ประยุทธ์ชี้ไทยนิยมใช้”สามหลัก”นำ

21 เม.ย. 2561 | 06:11 น.
ประยุทธ์ชี้ไทยนิยมใช้”สามหลัก”นำ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ว่า “ โครงการไทยนิยมยั่งยืน มีหลักการสำคัญ 3 ประการ นอกเหนือจากการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร ทั้งระบบดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และ การพัฒนาเชิงพื้นที่ อีกด้วย ทั้งนี้ การขับเคลื่อน “กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเพื่อพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน อย่างยั่งยืน” ก็เป็นมาตรการหนึ่ง ที่รัฐบาลนี้ ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง

ตามพระราชบัญญัติ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ภายใต้ปรัชญาในการเสริมสร้างสำนึก ความเป็นชุมชนและท้องถิ่น โดยให้ชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคต และ จัดการหมู่บ้านและชุมชน ด้วยคุณค่าและภูมิปัญญาของตนเอง เป็นการ “ระเบิดจากข้างใน” เกื้อกูลประโยชน์ต่อผู้ด้อยโอกาสในหมู่บ้านและชุมชน โดยจะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งชุมชน หน่วยงานราชการ บริษัทเอกชน และประชาสังคม ตามแนวทาง “ประชารัฐ” กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและ พัฒนาประชาธิปไตยพื้นฐาน เตรียมพร้อมสำหรับบทบาทของท้องถิ่นที่จะต้องมีความสำคัญมากขึ้น ในอนาคต

ในการขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านฯ นี้ ในอดีตอาจยังมีปัญหาอยู่บ้างนะครับ รัฐบาลนี้ก็เข้ามาจัดระบบ จัดระเบียบใหม่ ให้เกิดความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองให้ได้โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก ได้โดยตรงนะครับ โดยจะเป็น “แหล่งเงินทุนหมุนเวียน” สำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มรายได้ และลดรายจ่าย อย่างแท้จริงนะครับ หรือใช้สำหรับการส่งเสริมและพัฒนาไปสู่การสร้างสวัสดิการ

อาทิ ตลาดประชารัฐ - แหล่งท่องเที่ยวชุมชน หรือ ประโยชน์เพื่อส่วนรวมอื่นใด ให้แก่ประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนเมือง ในการบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนสำหรับลูกบ้าน - ชาวชุมชน รวมถึง เป็นแหล่งพัฒนาองค์ความรู้ คุณภาพชีวิต และสวัสดิการของสมาชิก อีกด้วย ปัจจุบันมีกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศ เกือบ 80,000 กองทุนนะครับ มีสมาชิก ราว 13 ล้านคน
ktb

เมื่อรัฐบาลนี้ เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ก็จัดให้มีการประเมินผลการดำเนินงาน “รายกองทุน” นะครับ เพื่อแบ่งกลุ่ม สำหรับกำหนดมาตรการสนับสนุนให้เหมาะสม ในแต่ละประเภท ดังนี้... กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีผลการประเมินในระดับ “ดีมาก” เกรด A นะครับ และระดับ “ดี” เกรด B รวมกันราว 60,000 กองทุน หรือร้อยละ 76 ใช้มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ โดยการจัดสรรวงเงิน “สินเชื่อปลอดดอกเบี้ย” ให้กับพี่น้องสมาชิกกองทุนหมู่บ้านในพื้นที่

ส่วนกองทุนฯ ที่มีผลการประเมินในระดับ “ปานกลาง” เกรด C และระดับ “ต้องปรับปรุง” เกรด D รวมกันเกือบ 20,000 กองทุน กว่าร้อยละ 23 ให้ดำเนินการทุกมิติ เพื่อพลิกฟื้นให้กองทุนเหล่านั้น สามารถกลับมาเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน ให้ได้โดยเร็วนะครับ

ทั้งนี้ ในปี 2559 ได้จัดโครงการเพิ่มความเข็มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก งบประมาณ 35,000 ล้านบาท นะครับ สำหรับให้กองทุนหมู่บ้านฯ นำไปลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ลดภาระต้นทุน ขยายโอกาสทางการตลาด แก่เกษตรกร และ ผู้ประกอบ การรายย่อย ในชุมชน ซึ่งมีกองทุนหมู่บ้านฯ ได้รับอนุมัติโครงการ มากกว่า 66,000 กองทุน คิดเป็นในวงเงินงบประมาณกว่า 33,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 95 ของเป้าหมาย

ต่อมาปี 2560 รัฐบาลได้จัด งบประมาณ “เพิ่มเติม” อีก 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านฯ อย่างต่อเนื่อง มีกองทุนที่ได้อนุมัติโครงการ มากกว่า 61,000 กองทุน รวมวงเงินงบประมาณ กว่า 12,000 ล้านบาท หรือกว่าร้อยละ 80 ของเป้าหมาย โดยรวมแล้ว ทำให้เกิดโครงการต่างๆ มากมาย หลากหลายมิติ ทั่วประเทศ
อาทิ โครงการร้านค้าชุมชน น้ำดื่มชุมชน ปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ บริการงานชุมชน บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตร เกษตรฟาร์มรวม ลานตากอเนกประสงค์ และโรงสีข้าวชุมชน เป็นต้น รวมทั้งสิ้น กว่า 120,000 โครงการในปัจจุบัน
โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ผมขอยกตัวอย่างนะครับ โครงการด้านการท่องเที่ยวและบริการ “ระดับท้องถิ่น” ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่เราควรให้ความสนใจ ได้แก่ “อุทยานธรณีโลก” ในจังหวัดสตูล นะครับ ที่ครอบคลุม 4 อำเภอ ที่ผ่านการประเมินหลักเกณฑ์ของ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อ 17 เมษายนที่ผ่านมานับเป็นอุทยานธรณีโลก แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีซากฟอสซิล ชั้นหิน ชั้นดิน ซึ่งเป็นจุดน่าสนใจทางธรณีวิทยา อีกทั้ง มีเทือกเขาหินปูน ถ้ำ เกาะ ชายหาด และล่องแก่ง ที่เป็นจุดขาย สำหรับนักท่องเที่ยว

ทั้งหมดนี้ กลไกประชารัฐและชุมชน ต้องร่วมกันนะครับ วางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ การต้อนรับผู้มาเยือน การเป็นเจ้าบ้านที่ดี ดูแลเรื่องราคา และความปลอดภัยต่างๆ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ณ แหล่งท่องเที่ยว อาทิ เส้นทางจราจร พื้นที่จอดรถ เขตสุขาภิบาล การโซนนิ่งพื้นที่

เราต้องพิจารณาให้ครบวงจร เป็นขั้นเป็นตอน ให้ได้มาตรฐาน ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันสร้าง เริ่ม “ระเบิดจากข้างใน” และ ชุมชนต้องช่วยกันดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องนะครับ อย่าปล่อยให้ทรุดโทรม เพราะจะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ นำรายได้มาสู่ชุมชนของท่าน โดยรัฐบาล ก็จะเข้าไปสนับสนุนในภาพรวม ของเศรษฐกิจมหภาค ด้วย”

e-book-1-503x62