ข้าพระบาททาสประชาชน : รัฐบาลเผด็จการเพื่อประชาชน

22 เม.ย. 2561 | 12:18 น.
65952659

ครบรอบ 1 ปีของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 แล้วเมื่อ 6 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา และประเทศไทยกำลังจะครบรอบปีที่ 4 ของการยึดอำนาจโดย คสช.ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก้าวเดินไปตามโรดแมปได้จริง ปี 2562 ต้นปีหรือกลางปี คงมีการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยแท้จริง เป็นผู้ตัดสินชะตากรรมของบ้านเมือง ด้วยอำนาจและสิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญ

เมื่อทิศทางของบ้านเมืองเดินไปโดยไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองใด ๆ มาทำให้อำนาจ คสช.ต้องสะดุด ก็ต้องถือว่าอำนาจของการปฏิวัติยึดอำนาจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถยึดอำนาจการปกครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ใช้อำนาจตาม ม.44 อยู่ได้ถึง 5 ปี ถือว่าเป็นคณะรัฐบาลทหารที่ปกครองประเทศอยู่ได้ยาวนานที่สุดคณะหนึ่ง ที่ไร้การต่อต้านลุกฮือขับไล่จากประชาชน สาเหตุสำคัญประการหนึ่งอันเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้รัฐบาลทหาร ที่ทำตัวเป็นนักประชาธิปไตยเพียงใด ก็ถูกค่อนแคะเรียกขานว่า "รัฐบาลเผด็จการทหาร" อยู่ดี สามารถอยู่ในอำนาจมาได้ยาวนานขนาดนี้ คงเป็นด้วยเหตุปัจจัยที่ประชาชนเบื่อหน่ายนักการเมืองโกงที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ไม่เพียงโกงหน้าด้าน ๆ อย่างไม่ละอายเท่านั้น ยังใช้อำนาจเพื่อตนเองและพวกพ้อง เพื่อพรรคการเมืองของตนหรือวงศาคณาญาติตน โดยไม่เห็นหัวประชาชนอีกต่างหาก
63-e1492932996964 เมื่อถูกประชาชนต่อต้านคัดค้านอย่างหนักทั่วประเทศ ก็ใช้อำนาจรัฐป่าเถื่อนปราบปรามประชาชน และสร้างกองกำลังมวลชนให้ปะทะกับประชาชน สร้างความขัดแย้งในสังคมจนบ้านเมืองไม่มีความสงบสุข สังคมไร้กฎหมายและขื่อแปรของบ้านเมืองถูกทำลายลงสิ้น จนนำมาสู่การปฏิวัติยึดอำนาจของ คสช. หากไม่มีเหตุการณ์ที่สังคมไร้ทางออก ก็คงไม่มีใครเรียกร้องทหารหรือกองทัพให้เข้ามาแก้ไขวิกฤติของบ้านเมือง อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในทุกวันนี้

คณะปฏิวัติหรือรัฐประหารหลายคณะก็ใช่ว่าจะอยู่ในอำนาจได้ยาวนาน ในอดีตที่ผ่านมาล้วนแต่มีจุดจบที่ไม่งดงามในเวลาไม่นานนัก แต่กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมีความแตกต่างและอยู่ได้อย่างน่าศึกษา ซึ่งนอกจากเหตุปัจจัยที่คนเบื่อและเกลียดนักการเมืองโกงดังกล่าวเป็นพื้นฐานแล้ว คงจะเป็นเพราะว่ารัฐบาลทหารคณะนี้รู้จังหวะและจับอารมณ์ทางการเมืองประชาชนได้ ประชาชนเห็นว่า คสช.และรัฐบาล ทำให้บ้านเมืองสงบ ภาคธุรกิจเอกชนสามารถทำมาค้าขาย ประกอบกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปได้ แม้ไม่ต้องมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ทั้งๆที่รัฐบาลค่อนข้างจะใช้อำนาจไปในทางเผด็จการ แต่การปกครองและการบริหารบ้านเมืองก็ยังสามารถประคับประคองสถานการณ์ให้รอดพ้นจากความเลวร้ายต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาได้ อาจจะด้วยประชาชนเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน แก้ไขปัญหาของประเทศอย่างทุ่มเทของนายกรัฐมนตรี และภาพลักษณ์ที่ไม่โกง มือสะอาดจึงทำให้ประชาชนยังศรัทธาและไว้ใจ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่รัฐบาลนี้ยังอยู่ได้ยาวมาถึงทุกวันนี้
45448548 ทำให้มีข้อสรุปว่า รัฐบาลจะมาจากเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง หาใช่ประเด็นสำคัญสำหรับประชาชนแต่อย่างใด รัฐบาลจะมาโดยวิธีไหนไม่สำคัญ ขอให้ทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ สร้างความเจริญมั่นคงแก่ประเทศชาติ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีงานทำมีรายได้ และไม่โกงกินประเทศชาติ ตั้งใจเสียสละมั่งมั่นทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนโดยสุจริตใจเท่านั้น ประชาชนก็ให้โอกาสและพอใจที่จะให้บริหารบ้านเมือง เหมือนดั่งวาทะของ เติ้ง เสี่ยว ผิง ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของจีนเคยกล่าวไว้ว่า "แมวสีอะไรไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน"

ในทำนองเดียวกันหากเทียบกับประเทศไทยวันนี้ "ประชาธิปไตยหรือเผด็จการก็ไม่สำคัญ ขอให้ทำงานให้ประชาชนได้อยู่ดีมีความสุข บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า ประชาชนก็พอใจ" จะด้วยเหตุนี้ก็เป็นได้ที่ประชาชนทั้งหลายไม่ค่อยจะเดือดร้อนว่า จะมีเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง ขอให้ปากท้องอิ่ม ทำมาหากินดีขึ้น ก็เป็นที่พอใจแล้ว ทุกข์ของการอยากให้มีเลือกตั้ง กลายเป็นทุกข์ของพรรคและนักการเมือง ที่ประชาชนไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมสักเท่าใด แตกต่างจากอารมณ์ประชาชนเมื่อปี 2535 ต่อรัฐบาลทหารขณะนั้น ที่ประชาชนมีอารมณ์ร่วมกับพรรคการเมือง และนักการเมือง นำมาสู่การต่อต้านรัฐบาลทหาร จนเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" สถานการณ์ปัจจุบัน แตกต่างกันคนละบริบท อารมณ์ความรู้สึกประชาชนในทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้พรรคการเมืองและนักเคลื่อนไหวที่คิดก่อสถานการณ์ต้าน คสช.ยังไม่อาจจุดไฟติดในขณะนี้ แม้จะมีกลุ่มประชาชน นักเรียน นักศึกษา พยายามก่อกระแสต่อต้าน คสช.อยู่ในขณะนี้ก็ตาม
D4S_2639_resize สถานการณ์บ้านเมืองต่อจากนี้ ไม่ว่าเราจะไม่ชอบรัฐบาลเผด็จการหรือรังเกียจนักการเมืองจากการเลือกตั้ง แต่พี่น้องคนไทยทั้งหลายคงต้องอยู่กับ ระบอบเช่นนี้ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปกครอง บริหารบ้านเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรายังไม่มีระบบหรือกลไกการเลือกผู้บริหารประเทศที่ดีกว่านี้ได้ และตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หากมีการเลือกตั้งก็คงหนีไม่พ้นสองรูปแบบนี้ ถึงแม้เลือกตั้งไปตามโรดแมป ก็คงได้ "รัฐบาลเผด็จการโดยการเลือกตั้ง" ค่อนข้างแน่นอน ซึ่งก็เป็นเพียงกลไกการเลือกตั้งมารองรับการสืบทอดอำนาจของ คสช.นั่นเอง

เอาเถอะครับ จะเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการเลือกตั้ง ผมก็ยินดีต้อนรับทั้งนั้น ขอให้เป็นเผด็จการเพื่อประชาชนเท่านั้นก็พอ จีนแดง สิงคโปร์ ก็เผด็จการเหมือนกัน ประเทศเขาก็เจริญมั่นคง เศรษฐกิจขยายตัวเติบโตเข้มแข็ง ประชาชนอยู่ดีมีความสุขได้ ขอให้เป็นรัฐบาลเผด็จการที่มีคุณธรรม ยึดถือประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง บ้านเมืองก็อยู่รอด อย่าทุจริตคดโกงประทศชาติก็แล้วกัน วันใดที่รัฐบาลเลือกตั้งหรือเผด็จการ ไม่ซื่อสัตย์ ทุจริตคดโกงประเทศชาติ ทรยศประชาชน ระบอบไหนก็อยู่ไม่ได้ ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็พังครืน
...........................
คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน |หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3358 ระหว่างวันที่ 19-21 เม.ย.2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว