ทางออกนอกตำรา : “อีคอมเมิร์ซ”ตลาดแตก 2 ยักษ์ใหญ่ใช้ไทยเป็นฐาน

19 เม.ย. 2561 | 07:35 น.
1508585392953 Mark Zuckerberg Delivers Keynote Address At Facebook F8 Conference 1508835764333 (1) แต่ที่ยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ริชาร์ด หลิว หนุ่ม จีนวัย 43 อภิมหาเศรษฐี ระดับต้นๆ ของจีน ที่อาจหาญนำหุ้นของ JD.com เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น NASDAQ ไปเมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 และเป็นบริษัท อินเตอร์เน็ตจีนแห่งแรกที่ได้ขึ้น Fortune Global 500 ได้เดินทางมา “เปิดแผนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ” ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ 10 เป็นการเดินทางมา “กำหนดยุทธศาสตร์การค้าในโลกดิจิทัลสำหรับไทยและอาเซียน” ภายหลังได้ส่งรองประธานมาเซ็นสัญญาลงนามในการทำธุรกิจกับ “กลุ่มเซ็นทรัล” โดยประกาศว่าจะลงทุนร่วมกันถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาทก็จะตกประมาณ 15,500 ล้านบาท

JD.com ประกาศชัดก่อนหน้านี้ในการจับมือกับกลุ่มเซ็นทรัลว่าจะทำธุรกิจในเมืองไทยใน 2 ด้านหลัก คือ “ธุรกิจบริการด้านช็อปปิ้ง-ธุรกิจบริการด้านการเงินส่งนบุคคล” โดยกำหนดเป้าหมายชัดว่า จะสร้างให้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญสำหรับตลาดอาเซียน
1524122799067
การเดินทางมาของ “ริชาร์ด หลิว” เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การค้าในโลกออนไลน์จึงไม่ธรรมดา บรรดาผู้ประกอบการของไทยต้องเงี่ยหูฟัง

อย่าลืมว่า JD.com นั้นเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ที่มีมูลค่า 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐ การจับมือกับกลุ่มเซ็นทรัลที่เป็นยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของไทยที่มีห้างสรรพสินค้าและโรงแรมรีสอร์ทมากกว่า 45 แห่ง มีร้านค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดีมีระบบ เค้กก้อนใหญ่ในตลาดนี้ย่อมสะเทือนเลื่อนลั่น การแข่งขันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะดุเดือดกว่าเดิม
110 การขยายธุรกิจสู่ประเทศไทย จะทำให้ JD.com ต้องชนกับคู่แข่งอย่าง กลุ่ม Alibaba ของ แจ๊ค หม่า ซึ่งดำเนินกิจการ Lazada ในไทยและครองแชมป์ส่วนแบ่งการช็อปปิ้งออนไลน์อยู่เต็มๆ
applazada-696x385 ข่าววงในระบุชัดว่า ขณะนี้ Lazada ได้ซุ่มซื้อที่ดินในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลักในภูมิภาคนี้ โดยในเดือนพฤษจิกายนนี้ แจ๊ค หม่า จะเดินทางมาพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อประกาศยุทธศาสตร์การลงทุนค้าออนไลน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษหรืออีอีซี
1508836025627 “ถ้าหากปี 2016 เปรียบเสมือนอาหารเรียกน้ำย่อย ปี 2017 จะเป็นปีแห่งเมนคอร์ส สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” แจ็ก หม่า ประธานกลุ่ม บริษัท Alibaba เคยกล่าวไว้เมื่อปีก่อน

อะไรทำให้ไทยเป็น Red Ocean “ชุมทางโลกการค้าออนไลน์” ที่ขาใหญ่ของโลก "JD.com ที่มีรายได้ปีละ 37,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และอาลีบาบาที่มีรายได้ปีละ 22,900 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ลงสนามมาช่วงชิงและปักธงรบ"
3265-1 ใช่เพราะ ตลาดอีคอมเมร์ซมีมูลค่ามากถึง 2.88 ล้านล้านบาท ขณะที่การค้าปลีกมีมูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท และมีการประเมินกันว่า ภายในปี 2020 หรือปี 2563 เม็ดเงินในธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์ของประเทศไทยจะมีมูลค่าถึง 5,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.88 แสนล้านบาทแค่นั้นหรือ

ใช่เพราะ คนไทยมีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มตัว จนหน้าห้างกลายเป็นหน้าร้านในการโชว์ของเท่านั้นไปแล้ว แต่การซื้อขายจริงจะไปอยู่บนมือถือและคอมพิวเตอร์ไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงถึง 38 ล้านคน ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือถึงวันละ 3.9 ชั่วโมง จนติดอันดับ 4 ของโลก
lider ใช่เพราะ “ไทยมีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาบริการด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทคเป็นอย่างยิ่ง” อย่างที่ ริชาร์ด หลิว พูดหรือไม่

คำถามเหล่านี้เป็นประเด็นให้ผู้ประกอบการไทยต้องช่วยกันขบคิดและหาข้อสรุปให้ได้ ก่อนจะตกขบวนไปในโลกการค้า
ผมมีชุดข้อมูลที่อาจทำให้ท่านเห็นภาพชุดหนึ่งในโลกการค้าด้านอีคอมเมิร์ซ ที่กำลังเบ่งบานอย่างสุดๆ ในประเทศไทย
1508836222141 ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2557 มีมูลค่า 2,033,493 ล้านบาท พอถึงปี 2558 มีมูลค่า 2,245,147 ล้านบาท ครั้นพอถึงปี 2559 อีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง 2,560,103 ล้านบาท คาดว่า ในปี 2560 อีคอมเมิร์ซไทยจะมีมูลค่า 2,812,592 ล้านบาท โต 9.86%

เป็นมูลค่าอีคอมเมิร์ซแบบ B2B จำนวน 1,675,182 ล้านบาท (59.56%) ค้าขายอีคอมเมิร์ซแบบ B2C อีก 812,612 ล้านบาท (28.89%) ค้าขายอีคอมเมิร์ซแบบ B2G แค่ 324,797 ล้านบาท (11.55%)
1508837737944 พบว่า ช่องทางการชำระเงินทางออนไลน์ที่ผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs นิยมใช้มากที่สุด คือ การชำระเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต และเพย์เมนต์เกตเวย์ของธนาคารถึง 59.86% ชำระเงินผ่าน e-Banking,Internet Banking, Mobile Banking 23%
1508838244473 ชำระเงินผ่านธุรกรรมบนมือถือหรือตัวแทน (Third Party) เช่น m-Pay, True Money, Airpay, Linepay ตกประมาณ13.33% ชำระเงินผ่านระบบต่างประเทศ เช่น Paypal, Alipay ตกประมาณ 3.81%

1508837952920 อันดับ 1 กลุ่มค้าปลีกและการค้าส่ง มูลค่า 713,690 ล้านบาท คิดเป็น 31.78% เป็นรายใหญ่367,993 ล้านบาท SMEs อีก 345,696 ล้านบาท ตัวเลขการค้าใกล้เคียงกันมาก

อันดับ 2 กลุ่มบริการที่พัก มูลค่า 607,904 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 27 %

อันดับ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต มูลค่า 428,084 ล้านบาท คิดเป็น 19% เป็นรายใหญ่413,977 ล้านบาท และกลุ่ม SMEs 14,107 ล้านบาท เทียบกันไม่ติด

อันดับ 4 กลุ่มข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร มูลค่า 384,407 ล้านบาท ตกประมาณ 17.12% เป็นรายใหญ่ 380,815 ล้านบาท และ SMEs 3,591 ล้านบาท

อันดับ 5 กลุ่มขนส่ง มูลค่า 83,929 ล้านบาท หรือ 3.74%
2200 อันดับ 6 กลุ่มศิลปะ บันเทิง นันทนาการ มูลค่า 15,463 ล้านบาท

อันดับ 7 กลุ่มธุรกิจบริการอื่นๆ มูลค่า 9,622 ล้านบาท เป็นรายใหญ่ 543 ล้านบาท SMEs 9,079 ล้านบาท คนค้าขายไซด์เล็กแซงไปไม่เห็นฝุ่น

อันดับ 8 กลุ่มประกันภัย มูลค่า 2,396 ล้านบาท คิดเป็น 0.11%

อ่านสัญญาณทางการค้าของโลกให้แตก เท่ากับรู้ทันสนามการค้าที่กำลังแปรเปลี่ยนได้ออก...

.................
คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา / หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3307 ระหว่างวันที่ 22-25 ต.ค.2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว