ประโยคอมตะทางการเมืองของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ที่ว่า
“ก่อนพูด เราเป็นนายคำพูด แต่หลังพูดคำพูดเป็นนายเรา” ยังใช้เตือนสติทั้งคนทางการเมืองและผู้บริหารประเทศได้เสมอ เพราะวันใดที่เราไม่ทำตามวาจาที่ลั่นไว้ ข้อหา
“ตระบัดสัตย์” ก็จะถูกหยิบขึ้นมาเหมือนเมื่อครั้ง พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผิดคำพูดแล้วเข้ามาเป็นนายกฯ เป็นอุทาหรณ์ที่บรรดานักการเมืองควรจดจำไว้ ว่าเคยลั่นวาจาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ห้ามอ้าง
“ข้อมูลใหม่” ใด ๆ เพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมที่มิอาจยอมรับได้
กรณีการคิดตั้งพรรคการเมืองของ “
ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่าจะใช้ชื่อพรรค กปปส.หรือ มวลมหาประชาชน หรือชื่ออื่นใด
“ลุงกำนัน” ต้องเลิกคิด เพราะเคยลั่นวาจาไว้แล้วในขณะชุมนุมขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อค่ำวันที่ 2 ธันวาคม 2556 บนเวทีชุมนุมของ กปปส. ณ ศูนย์ราชการ (แจ้งวัฒนะ) ว่าจะไม่กลับเข้ามาเล่นการเมืองอีก จึงได้มีคนเชื่อและสนับสนุนการชุมนุมกปปส.อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เพราะผู้คนที่มาชุมนุมต่างเชื่อว่า “ลุงกำนัน” จะทำเพื่อประเทศอย่างแท้จริง หาใช่ทำเพื่อประโยชน์ ทางการเมือง
ผู้คนที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ในขณะนั้นถึงกับเลือกที่จะลืม เงื่อนปมทางการเมืองในอดีต อย่างกรณี
“สปก. 4-01” ที่เป็นเหตุล้มรัฐบาลชวน หลีกภัย เมื่อปี 2538 จนหมดสิ้น และเข้าร่วมชุมนุมอย่างเทใจให้
“ลุงกำนัน” ชนิดที่เลือกลืม
“สุเทพ เทือกสุบรรณ”
เชื่อได้ว่าในช่วงการชุมนุม สุเทพ เทือกสุบรรณ ภูมิใจการเป็น
“ลุงกำนัน” มากกว่าเป็น
“รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี” เสียอีก (ถ้าคำพูดที่ประกาศว่าไม่กลับมาเล่นการเมืองอีกมาจากจิตใต้สำนึกที่แท้จริง หาใช่คำพูดเพื่อปลุกเร้ามวลชนเท่านั้น และอย่าลืมว่าการชักชวนคนมาชุมนุมครั้งนั้นผู้เข้าร่วมต้องเสียชีวิตไปหลายสิบศพ บาดเจ็บอีกนับร้อย เมื่อความเป็น
“ลุงกำนัน” มันยิ่งใหญ่ สำหรับ สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องคิดได้ว่า ไม่สมควรเข้ามาเล่นการเมืองหรือตั้งพรรคการเมืองอีกต่อไปอย่างที่เป็นข่าว หรือการวิเคราะห์ทางการเมืองของหลายสำนัก เพราะทันทีที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เลือกทางเดินในการหวนกลับมาสู่
“การเมือง” ความ
“ขลัง” ของลุงกำนัน จะหายไปในทันที แม้จะประกาศว่าตั้งพรรคเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกรอบหนึ่งก็ตาม
อีกทั้งการคิดตั้งพรรคของ
“ลุงกำนัน” (ถ้าหากจะมีขึ้น) จะกลายเป็นการช่วงชิงคะแนนและฐานมวลชนกันเองในขั้ว
“ไม่เอาทักษิณ” และจะทำให้พรรคเพื่อไทย อยู่ในสภาพ “
นั่งบนภู ดูหมูกัดกัน” ซึ่งเป็นสิ่งที่
“ลุงกำนัน” ต้องตระหนักทั้งต่อชื่อเสียงของตัวเองและแนวทางต่อต้านระบอบทักษิณ ที่ได้ประกาศไว้ในครั้งชุมนุมขับไล่น้องสาวทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง เหตุผล 2 ประการนี้เพียงพอต่อการจะสรุปได้ว่า
“ลุงกำนันควรเลิกคิดตั้งพรรคการเมือง” ส่วนจะใช้สถานะความเป็น
“ลุงกำนัน” ที่ไม่มีกลไกทางการเมืองสนับสนุนใครขึ้นเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็หามีใครว่าไม่
..................................
คอลัมน์ | ที่นี่ไม่มีความลับ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3358 ระหว่างวันที่ 19-21 เม.ย.2561