นายกฯและประวิตร สั่งเกาะติด “ซีเรีย” “เมย์” รอดตัว! ผู้ดีสั่งลุยต่อ

17 เม.ย. 2561 | 11:12 น.
- 17 เม.ย. 61 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลกระทบจากการโจมตีทางทหารของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรต่อซีเรียว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างห่างไกลจากประเทศไทย ก็ต้องติดตามความก้าวหน้าที่อาจจะไม่เรียกว่าสงคราม แต่เป็นการปฏิบัติการทางทหารของ 2 กลุ่มในประเทศมหาอำนาจและประเทศพันธมิตร เราอาจไม่เจอผลกระทบโดยตรงเพราะห่างไกลบ้านเรา แต่ผลกระทบโดยอ้อมที่ตามมาจะด้วยมาตรการต่างๆหรือเปล่า เช่น มาตรการกีดกั้นทางการค้า เป็นต้น เราต้องติดตาม โดยให้ฝ่ายความมั่นคง สมช. และคสช.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แจ้งให้รัฐบาลทราบเพื่อหามาตรการลดผลกระทบทางอ้อมที่อาจจะเกิดขึ้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีความไม่สงบในพื้นที่ประเทศซีเรีย ว่า สำหรับประเทศไทยคงไม่มีอะไรเป็นกังวลเพราะอยู่ห่างไกล และกระทรวงการต่างประเทศคอยจับตาและดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนท่าทีใดๆ ของประเทศไทยต่อกรณีที่เกิดขึ้นขอให้เป็นไปตามกิริยาของกลุ่มอาเซียน

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปลายเดือนเม.ย.ตามคำเชิญของรัฐมนตรีกลาโหมแห่งสหรัฐฯว่า จะเป็นประเด็นการร่วมมือด้านการฝึกซ้อมด้านการทหารทั่วไป และตนคงไม่นำประเด็นซีเรียไปพูดคุย

ส่วนความเคลื่อนไหวของชาติต่างๆในกรณีการโจมตีซีเรียนั้น เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 16 เม.ย. พรรคชาติสก็อตแลนด์ เรียกร้องที่ประชุมส.ส.สหราชอาณาจักรว่า ให้มีการลงคะแนนเสียงในญัตติการโจมตีซีเรีย โดยส.ส.บางส่วน วิจารณ์รัฐบาลว่าไม่ปรึกษารัฐสภาก่อนตัดสินใจเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีซีเรีย แต่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรี ชี้เเจงว่า รัสเซียบีบให้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสั่งโจมตีในซีเรียร่วมกับสหรัฐฯและฝรั่งเศส เเละการที่รัสเซียคัดค้านการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยูเอ็น (ยูเอ็นเอสซี) เท่ากับเป็นการยอมรับว่าไม่ควรดำเนินการใดๆ กับซีเรีย แต่ท้ายที่สุดญัตติดังกล่าวนั้นนางเมย์ได้รับเสียงสนับสนุน 314 ต่อ 36 เสียง

พล.อ.โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯประกาศว่า การบุกโจมตีซีเรียครั้งนี้ประกอบด้วยเป้าหมาย 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ในกรุงดามัสกัส โรงงานเก็บอาวุธเคมีในเมืองฮอมส์ และอาคารในพื้นที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายแห่งที่สอง

ส่วนรัสเซีย เผยคณะผู้ตรวจสอบอาวุธเคมีในซีเรีย จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังพื้นที่ที่ถูกกล่าวหาว่าเกิดการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในวันนี้ หลังจากที่คณะผู้ตรวจสอบได้เดินทางเข้าไปยังซีเรียตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังพื้นที่ของเมืองดูมา ซึ่งเป็นเมืองที่มีรายงานว่าเกิดการโจมตีด้วยอาวุธเคมี

นายอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า เป้าหมายที่แท้จริงในการโจมตีซีเรียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาของกองกำลังพันธมิตรซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศสนั้น คืออาคารและลานบินของกองทัพซีเรีย ซึ่งอยู่นอกเหนือเป้าหมายจำนวน 3 แห่งที่กองกำลังพันธมิตรได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้