นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯระบุผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวกรณีสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศสโจมตีซีเรียเมื่อวันที่14เม.ย.ที่ผ่านมาว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการรับมือกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีของกองทัพซีเรีย แม้ว่ารัฐบาลซีเรียจะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า การประกาศ ‘ภารกิจสำเร็จ’ ต่อกรณีการโจมตีเป้าหมายในซีเรียของกองกำลังสามชาติพันธมิตร(สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส) ว่า การโจมตีซีเรียเป็นภารกิจที่กระทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยความแม่นยำ ด้วยเหตุผลนี้จึงมีเพียงสื่อที่ชอบปล่อยข่าวลวงเท่านั้น ที่จะลดทอนคุณค่าของในความหมายของคำว่า ‘ภารกิจสำเร็จ’ ลง
นายทรัมป์กล่าวว่า คำพูดนี้ถือว่ามีความหมายอย่างยิ่งใหญ่ในกรณีของปฏิบัติการทางทหาร และสมควรถูกนำกลับมาใช้ให้บ่อยขึ้น
นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ(ยูเอ็น) กล่าวว่า สหรัฐฯกำลังเตรียมที่จะประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียในวันที่ 16 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่รัสเซียให้การสนับสนุนรัฐบาลภายใต้การนำของนายบาชาร์ อัล-อาซาด ผู้นำซีเรีย
นางเฮลีย์กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้จะพุ่งเป้าไปที่บริษัทใดๆ ก็ตาม ซึ่งทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการขายอุปกรณ์รวมถึงอาวุธเคมีให้กับรัฐบาลซีเรีย
ส่วนเว็บไซต์ทำเนียบเครมลิน เผยแพร่แถลงการณ์ของนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประณามว่า” การโจมตีของสหรัฐฯในซีเรียเป็นการรุกรานต่อประเทศที่มีอธิปไตย ที่กำลังต่อสู้กับการก่อการร้าย และทำให้สถานการณ์ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในซีเรียเลวร้ายลง เเละยังเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ ตลอดจนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั่วโลก ขอเรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเพื่อหารือกรณีนี้”
นายปูตินระบุว่า
” จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯมีส่วนรับผิดชอบต่อสงครามนองเลือดในยูโกสลาเวีย อิรัก และลิเบีย และอาจจะเกิดขึ้นอีกในซีเรีย”
นายปูติน ได้หารือกับนายฮัสซัน เราฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านทางโทรศัพท์ถึงสถานการณ์ล่าสุดในซีเรีย และกล่าวถึงการกระทำของสามชาติพันธมิตรว่า “หากเกิดขึ้นอีก โลกจะสับสนอลหม่านมาก หากการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาตินี้ดำเนินต่อไป จะหลีกเลี่ยงสภาพการณ์ที่โกลาหลอลหม่านในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ได้”
นายเซอร์ไก ราฟลอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า ช่องทางการติดต่อสื่อสารต่างๆระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้น ยังคงเปิดอยู่และพร้อมจะใช้งานได้เสมอเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลจะช่วยให้เกิดการประเมินสถานการณ์ที่เที่ยงตรงมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแผนการณ์ต่างๆ ซึ่งช่องทางเหล่านี้ยังคงใช้งานได้อยู่
นายเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสประกาศผ่านสื่อฝรั่งเศสว่า พร้อมจะเจรจากับทุกฝ่าย รวมทั้งรัสเซียและอิหร่าน เพื่อปูทางสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรียและนำสันติสุขกลับมาฝรั่งเศสต้องการเห็นการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ต้องการเจรจากับอิหร่าน รัสเซีย และตุรกี นโยบายของฝรั่งเศสคือเจรจากับทุกฝ่าย เงื่อนไขอยู่ที่การสร้างสันติภาพ ฉะนั้นการร่วมปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสามชาติพันธอิตรในซีเรีย เป็นการดำเนินการเพื่อตอบโต้ที่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากที่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในเมืองดูมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานด้านมนุษยธรรม และเป็นไปอย่างชอบธรรมตามกฎหมาย
นายบอริส จอห์นสัน รมว.ต่างประเทศอังกฤษกล่าวว่า การโจมตีต่อซีเรียเป็นไปเพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลซีเรียกลับมาใช้อาวุธเคมีอีกครั้ง ไม่ใช่การโจมตีเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองหลังปรากฎข่าวรัฐบาลซีเรียประกาศชัยชนะเหนือกลุ่มกบฎ ในตอนนี้ยังไม่มีข้อเสนอสำหรับการโจมตีเพิ่มเติม เนื่องจากรัฐบาลซีเรียยังไม่ได้ใช้อาวุธเคมี
“หากพบว่ามีการใช้อาวุธเคมีอีก อังกฤษและชาติพันธมิตรจะดูอีกครั้งว่า มีทางเลือกอะไรเหลืออยู่บ้าง”