ถูก
“เชือด” ปมทุจริตงบประมาณอุดหนุนช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งไปแล้ว สำหรับ พุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) หลังจากถูกสั่งให้ไปนั่งเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับ ณรงค์ คงคำ รองปลัดกระทรวง พม. และผู้ตรวจราชการกระทรวง พม.อีกคน ก็ถูกสั่ง
“ให้ออกจากราชการ” ไว้ก่อนเช่นกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับการ
“ทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้” นั้น เดิมมีการร้องเรียนในพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานของพม.ตรวจสอบพบมีผู้เกี่ยวข้อง 171 คน แต่ข้อมูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พบว่ามี 95 คน จึงยังไม่ตรงกับ พม. รัฐบาลจึงยึดข้อมูลจากป.ป.ท. เพื่อดำเนินการโยกย้าย พักราชการ หรือไล่ออก ตามกฎหมาย
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เน้นย้ำว่านี่เป็นตัวอย่างในการให้ความสำคัญกับการทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งจากการร้องเรียน การตรวจสอบ ต้องดำเนินการให้สุดทาง หาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล บอกถึงที่มาที่ไปของการเด้งข้าราชการระดับสูงของ พม.ดังกล่าว
เมื่อตำแหน่งปลัด พม.ว่างลง ส่งผลให้มีการโยกย้ายข้าราชการในระดับเดียวกัน หวยไปลงที่ ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ถูกโยกไปแทนที่ ปลัดพม.
ขณะที่ สมชัย สัจจพงษ์ จากปลัดกระทรวงการคลัง ก็ถูกจับวางไปลงที่เลขาธิการ สศช.โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ส่วนคนที่จะมาแทนที่ “ปลัดคลัง”นั้น อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง บอกว่ายังไม่ได้เสนอผู้ที่จะดำรงตำแหน่งปลัดคลังคนใหม่
ส่วนกรณีรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ 400,000 บาท เพื่อแลกที่เรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ได้พ่นพิษใส่ วิโรฒ สำรวล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน เมื่อคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) กรุงเทพมหานคร ที่มี การุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ได้มีมติเอกฉันท์ไล่ออกจากราชการ ซึ่งเป็นโทษทางวินัยร้ายแรงสูงสุด ทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆ ทั้งบำเหน็จเเละบำนาญ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษยน เป็นต้นไป ...จะว่าไปแล้วเรื่อง
“รับเงินแป๊ะเจี๊ยะ” มีแถบทุกโรงเรียนดัง มีทั้งเข้าพกเข้าห่อผู้บริหารโรงเรียน และเข้าโรงเรียนในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่จะคิดสรรค์กันขึ้นมา เมื่อมีกรณีของ “อดีตผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย”ก็น่าจะเป็น “อุทาหรณ์” ให้กับผอ.โรงเรียนต่าง ๆ ได้บ้าง
ข่าวดีๆ สำหรับ “เศรษฐกิจไทย” เมื่อ “ธนาคารโลก” โดย เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่า ปี 2561 คาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 4.1% ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดตั้งแต่ปี 2555 หรือ 6 ปี จากการฟื้นตัวของหลายภาคส่วนที่ส่งผลต่อเนื่องจากปี 2560 มายังปีนี้ ทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปี 2560 การบริโภคภาคเอกชนสูงขึ้นเกือบ 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ในประเทศ ขณะที่การส่งออกขยายตัว 7.5% ยังคงเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง การนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น 6.5% ก็ส่งสัญญาณว่าการลงทุนภาคเอกชนกำลังฟื้นตัว
ธนาคารโลก ชี้ว่า การเร่งดำเนินการตามแผนการลงทุนขนาดใหญ่โดยเฉพาะโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งในปี 2561 ต่อเนื่องถึงปี 2562 นอกจากนี้ การดำเนินการปฏิรูปการศึกษาและทักษะ การบริหารจัดการการลงทุนภาครัฐอย่างจริงจัง รวมถึงการเพิ่มการแข่งขันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการ ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นนวัตกรรมและยกระดับให้ประเทศไทยก้าวสู่เส้นทางการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่ที่สูงขึ้นในระยะยาว... ต้องคอยดูว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นไปอย่างที่ธนาคารโลกคาดการณ์หรือไม่
................................
คอลัมน์ | ฐานโซไซตี หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3357 ระหว่างวันที่ 15-18 เม.ย.2561
