- 14 เม.ย. 61 - ความคืบหน้ากรณีที่สหรัฐฯ อังกฤษและฝรั่งเศส โจมตีฐานอาวุธเคมีในซีเรียเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ เพื่อตอบโต้รัฐบาลซีเรียที่ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนนั้น ล่าสุดรัสเซียซึ่งเป็นชาติพันธมิตรกับซีเรียออกมาเคลื่อนไหว
โดยช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาประเทศไทยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงท่าทีในครั้งนี้โดยระบุว่า ขอประณามการกระทำของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรว่า การโจมตีซีเรียครั้งนี้เป็นการกระทำที่รุนแรงที่สุด รัสเซียพร้อมจะเรียกร้องให้สหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้
“การโจมตีซีเรีย ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซียเป็น “การกระทำที่ก้าวร้าวและรุกราน” เหตุใช้อาวุธโจมตีที่เมืองดูมาของซีเรียเมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นการจัดฉากและถูกใช้เป็นข้ออ้างในการถล่มซีเรีย”
“ขณะเดียวกัน รัสเซียยังได้เรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ เพื่อหารือเรื่องที่สหรัฐฯและพันธมิตรละเมิดกฎบัตรของสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ถล่มโจมตีซีเรีย”
ตอนนี้รัสเซียกำลังพิจารณาเสริมศักยภาพทางทหารให้ซีเรีย จัดหาขีปนาวุธพื้นสู่อากาศให้ซีเรีย 300 ลูกและทางการรัสเซียยืนยันว่าระบบป้องกันขีปนาวุธของซีเรียสามารถยิงสกัดขีปนาวุธนำวิถีได้ 71 ลูกจากที่สหรัฐฯและชาติพันธมิตรยิงมาทั้งหมด 103 ลูก
โดยพล.ท.เซอร์เกย์ รุดสกอย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพรัสเซีย แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของรัสเซียว่า “กำลังพิจารณาจัดหาขีปนาวุธพื้นสู่อากาศให้แก่ซีเรีย หลังเคยปฏิเสธส่งขีปนาวุธชนิดนี้ไปยังซีเรีย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊คของนายเกษม อัชฌาสัย ผู้สื่อข่าวอาวุโสที่เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศ โพสต์หัวข้อ “อธิบายข่าว พันธมิตรโจมตีซีเรีย” ระบุว่า “การโจมตีซีเรียเมื่อค่ำวันวันศุกร์ของกองกำลังพันธมิตรอันประกอบไปด้วยสหรัฐฯ ฝรั่งเศสและอังกฤษนั้น กระทำเพื่อย้ำคำเตือนก่อนหน้ามิให้ ซีเรียใช้อาวุธเคมีซึ่งเป็น “อาวุธต้องห้าม" มาแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มาใช้กับพลเรือน หรือแม้แต่กับเป้าหมายทางทหาร
โดยประธานาธิบดีสหรัฐ "โดนัลด์ ทรัมพ์" ระบุว่าเป้าหมาย คืออะไรก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมี ซึ่งเข้าใจว่าฝ่ายพันธมิตรต้องสืบทราบมาก่อนแล้วว่าตั้งอยู่ ณ ที่ใดบ้าง ขณะที่ฝ่ายทหารสหรัฐฯย้ำว่าเป้าหมายเหล่านี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับทหารรัสเซียในซีเรียอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ก็มีการโจมตีเป้าหมายทางทหารซีเรีย ด้วยขีปนาวุธมาแล้วครั้งหนึ่ง ต้นทางการยิง มาจากอิสราเอล ซึ่งเข้าใจได้ว่า อิสราเอลคงได้รับสัญญานใดๆ จากสหรัฐฯ ให้ ช่วยโจมตีล่วงหน้าไปก่อน เพื่อเป็นการลงโทษซีเรีย กรณีที่ใช้อาวุธเคมี หรือแก๊ซพิษ ทำร้ายราษฏร ในดินแดนครอบครองของฝ่ายกบฏ (รวมทั้งการใช้แก๊ซพิษ ทำร้ายจารชนรัสเซียในอังกฤษ) ทำให้พลเรือนรวมทั้งเด็กเล็กเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 50 รายที่เสียชีวิตเพราะโดนแก๊ซพิษ เป็นข่าวแพร่สพัดไปทั่วโลก เป็นที่น่าเอน็จอนาถ
ในการโจมตีครั้งล่าสุด “ทรัมพ์” แถลงเหตุผล ต่อชาวอเมริกันและชาวโลก ผ่านโทรทัศน์ว่า นอกจากจะเป็นการป้องปราม การแพร่ขยายการใช้อาวุธเคมีแล้ว ก็ต้องการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายระหว่างประเทศเอาไว้ ว่าไม่สมควรที่ชาติใดจะมาละเมิด (แม้ในอดีตสหรัฐฯเคยละเมิดโดยการทำสงครามไม่ประกาศ กับอิรัก มาแล้วก็ตาม)
มีคำถาม ณ ที่นี้ สั้นๆ ว่า แล้วรัสเซียจะว่าอย่างไร จะมีการตอบโต้อย่างไรหรือไม่
ก็ต้องคอยดูกัน คงไม่พ้นวันนี้ คงจะมีคำตอบจากผู้นำรัสเซีย "วลาดิมีร์ ปูติน"
แต่ก็เชื่อว่า สงครามจะไม่ขยายตัวจากพื้นที่ในซีเรีย เพราะชาติอภิมหาอำนาจ ไม่ต้องการเปิดฉากรบกันโดยตรง เพราะจะเท่ากับทำลายตัวเองไปด้วย
นี่ ก็เป็นเพียงการคาดคะเน เท่านั้นครับ อย่ามาเชื่อถือ อะไรมาก”