"กฤษฎา" สั่งยึดประโยชน์ปชช.เป็นหลักไม่ถือว่าล้วงลูก
"กฤษฎา" สั่งการยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ไม่ถือว่าเป็นการล้วงลูก
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" สั่งการ (ระหว่างไปปฎิบัติภารกิจที่กรุงนาดี สาธารณรัฐฟิจิ) ถึงปลัดเกษตร และอธิบดีรวมทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในสังกัด เกษตรทุกหน่วยในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคทุกพื้นที่ ในช่วงนี้กระทรวงมีปัญหามากมายถาโถมเข้ามา ตั้งเเต่เรื่องการเรียกร้องของประชาชนกลุ่มต่างๆเกี่ยวกับราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ไปจนถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาประมงตามกติกาIUU ซึ่งมีบางมาตรการที่มีผลกระทบต่อชาวประมงไทย
"ทำให้มีเกษตรกรหลายๆกลุ่มมาเรียกร้องให้พวกเราเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหา บางส่วนก็มาประท้วงรวมไปถึงขั้นยื่นฟ้องต่อศาลปกครองก็มีหลายคดี ซึ่งผมได้รวบรวมเรื่องที่เรากำลังแก้ไขหรือแก้ไขแล้วยังไม่คืบหน้าซึ่งมีดังนี้"
1.การส่งนมโรงเรียนระหว่างปิดภาคเรียน 2.การต่อต้านอนุญาตนำเข้ากุ้ง 3.วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่เพียงพอและถูกกล่าวหาว่าไม่มีคุณภาพ 4.การเรียกร้องให้ยกเลิกการอนุญาตนำเข้าสารกำจัดวัชพืชพาราควอต
5.การแก้ไขหนี้สินให้สมาชิกเกษตรกรในกองทุนฟื้นฟูฯ
6.การอนุญาตนำเข้าเนื้อสุกรซึ่งจะมีผลต่อราคาสุกรในประเทศ 7.ปัญหาราคาผลผลิตการทางเกษตรตกต่ำซึ่งได้แก่ยางพารา/ปาล์ม/สับปะรด/ไข่ไก่ฯลฯ 8.การฟ้องร้องในคดีความต่างๆ เช่น คดียึดเรือประมง/คดีคกก.นมโรงเรียนถูกฟ้อง/คดีกล้ายางที่กษ.แพ้คดีแพ่งต้องหางบประมาณไปชำระหนี้/คดีเอกชนฟ้องกรมวิชาการและการยางฯในการจำกัด โควต้าส่งออกยางพาราไม่เป็นธรรม เป็นต้น
9.งานนโยบายรัฐบาลที่ต้องเร่งรัดการทำงานให้มีประสิทธิภาพและเกิดสัมฤทธิผลเช่นการปฎิรูปภาคการเกษตรตามแผนงานงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2561 ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 30 กันยายน 2561 การรณรงค์ให้เกษตรกรปลูกพืชอื่นหรือทำอาชีพอื่นนอกฤดูการทำนา
การดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเราเองอีก 15 โครงการเช่น เกษตรแปลงใหญ่ การผลิตข้าวครบวงจร การพัฒนาสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็งฯลฯ นี่เป็นเพียงตัวอย่างภาระหน้าที่การงานของพวกเรารวมทั้งปัญหาและคดีความอีกจำนวนหนึ่งที่ผมพอนึกออกเท่านั้น
"ตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานร่วมกับพวกเราแล้ว 4 เดือน งานหลายเรื่องผมก็ได้แนะนำและหาทางออกในการแก้ไขปัญหาร่วมกับพวกเราโดยได้กำหนดแนวทางปฎิบัติต่างๆเพื่อให้จัดการกับปัญหาเหล่านั้น แต่ทั้งงานและปัญหาของเราก็ยังไม่ทุเลาเบาบางลง ตรงข้ามดูเสมือนยิ่งนับวันงานและปัญหาของกระทรวงเรายิ่งมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน"
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องเร่งรัดและต้องร่วมกันทำงาน และแก้ไขปัญหาต่างๆให้มีประสิทธิภาพเช่นนี้ขอแนะนำให้ท่านปลัดกระทรวงฯ อธิบดีและข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ทั้งในส่วนกลางและจังหวัดต่างๆจะต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหา หรืองานต่างๆให้เหมาะสมตามความสำคัญ และเร่งด่วนของปัญหาหรืองานแล้วนำมาจัดกลุ่ม(Grouping)แบ่ง หรือมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบเป็นกลุ่มๆโดยต้องเลือกผู้รับผิดชอบที่มีความถนัดหรือรู้เรื่องหรือเชี่ยวชาญในงานหรือการแก้ไขปัญหานั้นๆโดยทันที ทั้งนี้ต้องทำงานทั้งในแบบราชการและนอกแบบราชการที่ไม่ผิดกฎหมาย หรือระเบียบด้วยเช่นการประสานข้ามหน่วยราชการหรือต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเป็นต้น ประการสำคัญ(Key poin)
"ผมเห็นว่าสถานการณ์อย่างเช่นทุกวันนี้ หัวหน้าหน่วยงานจะรอรับรายงานหรือรอให้เรื่องส่งขึ้นมาให้พิจารณาตามลำดับขั้น อาจช้าไม่ทันต่อปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจากประสบการณ์ทำราชการของผมมาแล้ว 38 ปีนั้น เมื่อมีชาวบ้านหรือเกษตรกรมาเรียกร้องต่างๆนั้น ผมจะลงไปสืบค้นปัญหาสาเหตุด้วยตนเองทันที่ เมื่อได้รู้ปัญหาสาเหตุก็จะเรียกผู้รับผิดชอบมาคุยหารือกันเพื่อร่วมกันแก้ไข เมื่อพบช่องทางแก้ไขปัญหาแล้วผมจะเดินลงไปพบเกษตรกรหรือประชาชนโดยตรง โดยไม่ต้องรอไม่ต้องเกี่ยงกันว่าเป็นหน้าที่ใคร ถ้าพวกเราทำได้แบบนี้ บางที่ปัญหาของกระทรวงเราก็อาจลดลงได้บ้าง"
ดังนั้นต่อไปนี้ผมขอให้ถือเป็นนโยบายและแนวปฎิบัติของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า หัวหน้าหน่วยหรือผู้รับผิดชอบงานโดยตรงจะต้องลงไปกำกับและติดตามการปฏิบัติงาน(Attack)ในหน้างาน(Front Line)หรือพื้นที่ให้ใกล้ชิดด้วยตนเองและด้วยความกระฉับกระเฉง(Actively)
"ผมไม่ถือว่าเป็นการล้วงลูกหรือข้ามหน้าข้ามตากัน ขอให้ยึดเอาประโยชน์ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงานหรือในการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีปัญหาหรือเรื่องราวในหน้าที่ภารกิจของกระทรวงที่มีผลกระทบต่อเกษตรกรหรือประชาชนมีความสนใจเกิดขึ้นในพื้นที่หรืองานของหน่วยใด ผมขอให้หัวหน้าหน่วยหรือผู้รับผิดชอบงานต้องเร่งรีบเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาทันที และรายงานให้ผมรวมทั้งท่านรัฐมนตรีช่วยฯที่รับผิดชอบกลุ่มงานนั้น ทราบทันทีในโอกาสแรกที่สามารถรายงานได้ด้วย"
นอกจากนี้ในการทำงานกับพวกเราที่ผ่านมานั้น ผมได้พบว่ามีงานหรือโครงการสำคัญๆที่พวกเราได้ดำเนินการไปแล้วและมีประโยชน์ต่อประชาชนหรือเกษตรกร โดยตรงรวมทั้งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงและรัฐบาล แต่ยังขาดการติดตามและรวบรวมรายงานผลงานการดำเนินการเหล่านั้นให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อจะได้นำเสนอต่อรัฐบาลและประชาชนให้ได้รับทราบ ซึ่งผมเห็นว่าจะเป็นช่องทางหนึ่งที่เมื่อประชาชนรับรู้เข้าใจในงานที่พวกเราได้ดำเนินการไปแล้วก็จะทำให้ข้อเรียกร้องต่างๆจะลดน้อยลงได้
จึงขอให้ท่านปลัดกระทรวงและอธิบดี ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนได้ปรึกษาหารือกันเพื่อเร่งรัด(Expedite)การทำงานโดยกำหนดรูปแบบและวิธีการทำงานให้เป็นระบบด้วย โดยขอให้รองปลัดกระทรวงแต่ละสายงาน/กลุ่มงาน(Cluster)เป็นผู้กำกับติดตามเพื่อนำเสนอให้ผมและรัฐมนตรีช่วยทราบด้วยครับ
"ผมขอย้ำกับพวกเราอีกครั้งว่าผมและท่านรัฐมนตรีช่วยฯทั้ง 2 ท่านพร้อมที่จะแนะนำให้คำปรึกษาและลงไปทำงานร่วมกับท่านปลัดกระทรวงและพวกเราในการดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆของกระทรวงเราครับ ขอเพียงแต่พวกเราอย่าได้เกรงใจหากมีงานอะไรที่ติดขัดหรืออยากทราบนโยบายหรือแนวทางที่ชัดเจนก็มาพบมาคุยโดยตรงหรือโทรศัพท์มาหารือได้ตลอดเวลา"
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" สั่งการ (ระหว่างไปปฎิบัติภารกิจที่กรุงนาดี สาธารณรัฐฟิจิ) ถึงปลัดเกษตร และอธิบดีรวมทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในสังกัด เกษตรทุกหน่วยในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคทุกพื้นที่ ในช่วงนี้กระทรวงมีปัญหามากมายถาโถมเข้ามา ตั้งเเต่เรื่องการเรียกร้องของประชาชนกลุ่มต่างๆเกี่ยวกับราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ไปจนถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาประมงตามกติกาIUU ซึ่งมีบางมาตรการที่มีผลกระทบต่อชาวประมงไทย
"ทำให้มีเกษตรกรหลายๆกลุ่มมาเรียกร้องให้พวกเราเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหา บางส่วนก็มาประท้วงรวมไปถึงขั้นยื่นฟ้องต่อศาลปกครองก็มีหลายคดี ซึ่งผมได้รวบรวมเรื่องที่เรากำลังแก้ไขหรือแก้ไขแล้วยังไม่คืบหน้าซึ่งมีดังนี้"
1.การส่งนมโรงเรียนระหว่างปิดภาคเรียน 2.การต่อต้านอนุญาตนำเข้ากุ้ง 3.วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่เพียงพอและถูกกล่าวหาว่าไม่มีคุณภาพ 4.การเรียกร้องให้ยกเลิกการอนุญาตนำเข้าสารกำจัดวัชพืชพาราควอต
5.การแก้ไขหนี้สินให้สมาชิกเกษตรกรในกองทุนฟื้นฟูฯ
6.การอนุญาตนำเข้าเนื้อสุกรซึ่งจะมีผลต่อราคาสุกรในประเทศ 7.ปัญหาราคาผลผลิตการทางเกษตรตกต่ำซึ่งได้แก่ยางพารา/ปาล์ม/สับปะรด/ไข่ไก่ฯลฯ 8.การฟ้องร้องในคดีความต่างๆ เช่น คดียึดเรือประมง/คดีคกก.นมโรงเรียนถูกฟ้อง/คดีกล้ายางที่กษ.แพ้คดีแพ่งต้องหางบประมาณไปชำระหนี้/คดีเอกชนฟ้องกรมวิชาการและการยางฯในการจำกัด โควต้าส่งออกยางพาราไม่เป็นธรรม เป็นต้น
9.งานนโยบายรัฐบาลที่ต้องเร่งรัดการทำงานให้มีประสิทธิภาพและเกิดสัมฤทธิผลเช่นการปฎิรูปภาคการเกษตรตามแผนงานงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2561 ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 30 กันยายน 2561 การรณรงค์ให้เกษตรกรปลูกพืชอื่นหรือทำอาชีพอื่นนอกฤดูการทำนา
การดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเราเองอีก 15 โครงการเช่น เกษตรแปลงใหญ่ การผลิตข้าวครบวงจร การพัฒนาสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็งฯลฯ นี่เป็นเพียงตัวอย่างภาระหน้าที่การงานของพวกเรารวมทั้งปัญหาและคดีความอีกจำนวนหนึ่งที่ผมพอนึกออกเท่านั้น
"ตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานร่วมกับพวกเราแล้ว 4 เดือน งานหลายเรื่องผมก็ได้แนะนำและหาทางออกในการแก้ไขปัญหาร่วมกับพวกเราโดยได้กำหนดแนวทางปฎิบัติต่างๆเพื่อให้จัดการกับปัญหาเหล่านั้น แต่ทั้งงานและปัญหาของเราก็ยังไม่ทุเลาเบาบางลง ตรงข้ามดูเสมือนยิ่งนับวันงานและปัญหาของกระทรวงเรายิ่งมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน"
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องเร่งรัดและต้องร่วมกันทำงาน และแก้ไขปัญหาต่างๆให้มีประสิทธิภาพเช่นนี้ขอแนะนำให้ท่านปลัดกระทรวงฯ อธิบดีและข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ทั้งในส่วนกลางและจังหวัดต่างๆจะต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหา หรืองานต่างๆให้เหมาะสมตามความสำคัญ และเร่งด่วนของปัญหาหรืองานแล้วนำมาจัดกลุ่ม(Grouping)แบ่ง หรือมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบเป็นกลุ่มๆโดยต้องเลือกผู้รับผิดชอบที่มีความถนัดหรือรู้เรื่องหรือเชี่ยวชาญในงานหรือการแก้ไขปัญหานั้นๆโดยทันที ทั้งนี้ต้องทำงานทั้งในแบบราชการและนอกแบบราชการที่ไม่ผิดกฎหมาย หรือระเบียบด้วยเช่นการประสานข้ามหน่วยราชการหรือต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเป็นต้น ประการสำคัญ(Key poin)
ดังนั้นต่อไปนี้ผมขอให้ถือเป็นนโยบายและแนวปฎิบัติของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า หัวหน้าหน่วยหรือผู้รับผิดชอบงานโดยตรงจะต้องลงไปกำกับและติดตามการปฏิบัติงาน(Attack)ในหน้างาน(Front Line)หรือพื้นที่ให้ใกล้ชิดด้วยตนเองและด้วยความกระฉับกระเฉง(Actively)
"ผมไม่ถือว่าเป็นการล้วงลูกหรือข้ามหน้าข้ามตากัน ขอให้ยึดเอาประโยชน์ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงานหรือในการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีปัญหาหรือเรื่องราวในหน้าที่ภารกิจของกระทรวงที่มีผลกระทบต่อเกษตรกรหรือประชาชนมีความสนใจเกิดขึ้นในพื้นที่หรืองานของหน่วยใด ผมขอให้หัวหน้าหน่วยหรือผู้รับผิดชอบงานต้องเร่งรีบเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาทันที และรายงานให้ผมรวมทั้งท่านรัฐมนตรีช่วยฯที่รับผิดชอบกลุ่มงานนั้น ทราบทันทีในโอกาสแรกที่สามารถรายงานได้ด้วย"
นอกจากนี้ในการทำงานกับพวกเราที่ผ่านมานั้น ผมได้พบว่ามีงานหรือโครงการสำคัญๆที่พวกเราได้ดำเนินการไปแล้วและมีประโยชน์ต่อประชาชนหรือเกษตรกร โดยตรงรวมทั้งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงและรัฐบาล แต่ยังขาดการติดตามและรวบรวมรายงานผลงานการดำเนินการเหล่านั้นให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อจะได้นำเสนอต่อรัฐบาลและประชาชนให้ได้รับทราบ ซึ่งผมเห็นว่าจะเป็นช่องทางหนึ่งที่เมื่อประชาชนรับรู้เข้าใจในงานที่พวกเราได้ดำเนินการไปแล้วก็จะทำให้ข้อเรียกร้องต่างๆจะลดน้อยลงได้
จึงขอให้ท่านปลัดกระทรวงและอธิบดี ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนได้ปรึกษาหารือกันเพื่อเร่งรัด(Expedite)การทำงานโดยกำหนดรูปแบบและวิธีการทำงานให้เป็นระบบด้วย โดยขอให้รองปลัดกระทรวงแต่ละสายงาน/กลุ่มงาน(Cluster)เป็นผู้กำกับติดตามเพื่อนำเสนอให้ผมและรัฐมนตรีช่วยทราบด้วยครับ
"ผมขอย้ำกับพวกเราอีกครั้งว่าผมและท่านรัฐมนตรีช่วยฯทั้ง 2 ท่านพร้อมที่จะแนะนำให้คำปรึกษาและลงไปทำงานร่วมกับท่านปลัดกระทรวงและพวกเราในการดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆของกระทรวงเราครับ ขอเพียงแต่พวกเราอย่าได้เกรงใจหากมีงานอะไรที่ติดขัดหรืออยากทราบนโยบายหรือแนวทางที่ชัดเจนก็มาพบมาคุยโดยตรงหรือโทรศัพท์มาหารือได้ตลอดเวลา"
