นายกฯระบุ”MRC”ร่วมใช้เเละพัฒนาเเม่น้ำโขงเเบบยั่งยืน

14 เม.ย. 2561 | 03:09 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ว่า การเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission:MRC) นั้น เป็นความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่ประเทศสมาชิก 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม

ซึ่งได้ร่วมลงนามความตกลงไว้ในปี พ.ศ. 2538 ภายใต้ความร่วมมือเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติร่วมกัน อย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรม

นอกจากประเทศสมาชิกทั้ง 4 ประเทศแล้ว ยังมี “ประเทศคู่เจรจา” ได้แก่ จีน และเมียนมา รวมถึงผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศ เข้าร่วมประชุมหารือในครั้งนี้ด้วย มีประเด็นสำคัญ ได้แก่

(1) การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำโขงให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความขัดแย้งและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

(2) เสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง6 ประเทศดังกล่าว ซึ่งอยู่ในลุ่มน้ำโขงตอนบนและตอนล่าง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs)

tusum

และ (3) หารือในประเด็นข้ามพรมแดนระหว่างประเทศสมาชิก ทั้งนี้ ทุกประเทศถือเป็นประเทศเกษตรกรรมทั้งสิ้น และน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญของการเพาะปลูก ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของภูมิภาคด้วยนะครับ

นอกจากนี้ การได้พบกันของประเทศในลุ่มน้ำโขงนี้ ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ ข้อมูลสารสนเทศ รวมถึงหารือเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาลุ่มน้ำ และการตรวจติดตามด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง ร่วมกับลุ่มน้ำนานาชาติอื่นๆ อีกด้วยครับ

ในการประชุมนี้ ผมได้ผลักดันความร่วมมือในการพัฒนาภูมิภาคแม่น้ำโขงให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำแห่งความมั่งคั่ง เชื่อมโยง และยั่งยืน

รวมถึงได้ชี้ให้ประเทศสมาชิกได้ตระหนักถึง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนุภูมิภาค และเตรียมพร้อมเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติจากภาวะน้ำแล้ง น้ำท่วม และคุณภาพน้ำ

นอกจากนี้ ผมได้แจ้งที่ประชุมว่าไทยสนับสนุนการพัฒนาโครงการความร่วมมือข้ามพรมแดนที่มี นัยสำคัญต่อการบริหารจัดการลุ่มน้ำ โดยอาจเสริมสร้างบทบาทของ MRC ให้เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านทรัพยากรน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและนำองค์ความรู้ทางเทคนิควิชาการมาใช้สนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำ

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

อีกทั้ง ให้ประเทศสมาชิก หน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาและประชาชน สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลและองค์ความรู้ได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ผมเสนอให้ที่ประชุม คิดถึงแนวทางการใช้ทรัพยากรน้ำ ที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชนซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยง – ผูกพันกัน ด้วยการแบ่งปันกัน การใช้ประโยชน์ร่วมกัน แล้วยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่มิติอื่นๆ ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป

อาทิ การเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำของประเทศสมาชิก เพื่อตอบสนองการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมตามเงื่อนไขการพัฒนาของแต่ละประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการดำเนินความพยายามร่วมกัน การร่วมรับผิดชอบ และความเป็น “หุ้นส่วน” ที่ใกล้ชิดของประเทศสมาชิก”

e-book-1-503x62