นายประสาร กล่าวว่า การใช้ EM กรมคุมประพฤติจะดำเนินการตามที่ศาลกำหนดเป็นเงื่อนไขการคุมประพฤติ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานคุมประพฤติในการติดตามผู้ถูกคุมความประพฤติ ซึ่งได้ฝึกอบรมพนักงานคุมประพฤติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินการตามมาตรการใช้ EM กับกลุ่มผู้กระทำผิดในคดีขับรถขณะเมาสุราได้ทันที
ด้าน นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจของศาลจะนำ EM มาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของจำเลยที่ต้องพิพากษาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้กระทำผิดในคดีเมาแล้วขับที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 200-250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โดยศาลอาจใช้ดุลยพินิจสั่งให้รอการลงโทษ และกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ เช่น ห้ามออกนอกสถานที่พักอาศัยในยามวิกาล โดยการใช้ EM กับกลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวภายใต้การดูแลของกรมคุมประพฤติ ต่อไป