สงกรานต์ปีนี้ นายกฯห่วง “ปชช.เดินทาง” เน้นป้องกันเหตุ ทดเเทน ”เเจ้งยอดสูญเสีย”

12 เม.ย. 2561 | 09:26 น.
พล.ท.สรรเสริญ เเก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้รับรายงานว่า ขณะนี้ถนนหลายสายเริ่มมีปริมาณรถคับคั่งแล้ว โดยเฉพาะเส้นทางสายเหนือและสายอีสาน จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง วางแผนและจัดกำลังดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างเต็มที่

“นายกฯ กำชับว่า ไม่ต้องการให้หน่วยงานต่าง ๆ รายงานแต่เพียงตัวเลขสถิติอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บเท่านั้น แต่ควรเน้นรณรงค์ให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่เหมาะสม และขับขี่อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง เช่น เมาไม่ขับ สวมหมวกกันน็อค ไม่ขับรถเร็ว คาดเข็มขัดนิรภัย และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยขอให้ประชาชนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย”

ในส่วนของรัฐบาลนั้นได้พยายามกำหนดมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอีกทางหนึ่ง ทั้งการตั้งจุดตรวจและจุดให้บริการประชาชน ซึ่งมีกว่า 2,000 จุดทั่วประเทศ การจำกัดความเร็วของรถตู้โดยสารไม่เกิน 90 กม./ชม. การควบคุมชั่วโมงการทำงานของผู้ขับขี่ การควบคุมพฤติกรรมไม่ให้ออกนอกเส้นทางผ่านระบบจีพีเอส การตรวจเช็คสภาพรถ และขอความร่วมมือไม่ให้ใช้รถบัสโดยสาร 2 ชั้น เป็นต้น
001 สำหรับความปลอดภัยในแหล่งที่มีผู้โดยสายจำนวนมาก เช่น สถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน หรือท่าเรือ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันเรื่องมิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวปะปนกับประชาชน รวมทั้งป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาตั๋วหรือเอาเปรียบประชาชน พร้อมอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ แก่ผู้เดินทางทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เช่น ให้บริการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ดูแลป้องกันเด็กพลัดหลง ฯลฯ โดยเน้นสร้างความประทับใจแก่ผู้รับบริการ

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2561 กล่าวว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เม.ย.2561 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 447 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 39 ราย ผู้บาดเจ็บ 461 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 40.49 ขับรถเร็ว ร้อยละ 26.62 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด

ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.96 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 61.30 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.15 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 38.48 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 28.41 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 28.40 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,031 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,413 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 678,566 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 128,260 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 35,582 ราย มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 35,090 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (18 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อำนาจเจริญ เลย นครศรีธรรมราช นครพนม บุรีรัมย์ ชลบุรี เพชรบูรณ์ (2 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (18 คน)
002 นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นวันแรกของวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนบางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง และบางส่วนกลับถึงภูมิลำเนา ท่องเที่ยว และเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ โดยถนนสายหลักมุ่งสู่ภูมิภาคต่างๆ จะมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอย่างเคร่งครัด พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลเส้นทางหลัก สายรอง และเส้นทางโดยรอบสถานที่ท่องเที่ยว คุมเข้มการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

รวมถึงประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง ทางลัด จุดเสี่ยงอุบัติเหตุ และบริเวณที่มีการก่อสร้างถนน เพื่อให้ผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะ กวดขันความพร้อมของพนักงานขับรถ โดยเฉพาะการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติด ตลอดจนเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบริเวณสถานที่ท่องเที่ยว พื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ คุมเข้มสถานประกอบการเช่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้ตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่รถของผู้เช่ารถทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศทุกครั้ง ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศรับทราบ และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.เปิดเผยว่า วันแรกของเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้การจราจรหนาแน่นในเส้นทางสายหลัก อาทิ ถนนมิตรภาพ , เพชรเกษม , พหลโยธิน โดยเจ้าหน้าที่สนธิกำลังดูเเลประชาชนเต็มที่ สำหรับสถิติตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ในวันแรก (11 เม.ย. ) ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับ 3,339 ราย ยึดรถยนต์และจักรยานยนต์ 156 คัน