“พาณิชย์” เกาะติด “อินทรีฟัดมังกร” เชื่อไทยได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง

09 เม.ย. 2561 | 10:59 น.
- 9 เม.ย. 61 - นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกฝ่ายจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยกระทรวงพาณิชย์มองว่าจะกระทบกับสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม นั้น กระทรวงพาณิชย์จะใช้เวทีกรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ ระดับรัฐมนตรี (TIFA) ครั้งที่ 15 ในการหารือกับสหรัฐฯถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งผลกระทบที่จะมีต่ออุตสาหกรรมเหล็กนั้น ในแต่ละปีไทยส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปสหรัฐฯประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ต่อปีซึ่งเชื่อว่ากรณีดังกล่าวอาจจะกระทบกับไทยเพียงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะไทยเป็นประเทศฐานการผลิตที่ส่งออกไปยังจีน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวเลขความเสียหาย

รมว.พาณิชย์กล่าวว่า การที่สหรัฐฯมีมาตรการกับจีน อาจจะเป็นประโยชน์กับไทยในบางรายการสินค้าที่สหรัฐฯไม่สามารถส่งออกได้ ซึ่งไทยควรใช้โอกาสนี้ในการเปิดตลาด โดยขณะนี้ได้มีการหารือ เพื่อทำการศึกษาการเจาะตลาดไปยังจีน และสหรัฐฯเพื่อเติบเต็มตัวเลขที่หายไปจากการตอบโต้ของสหรัฐฯและจีน

“เชื่อว่าไทยเพิ่มส่วนแบ่งในสหรัฐฯได้ 300-1,000 ล้านดอลลาร์ จากกรณีการกีดกันทางการค้าระหว่างสองชาติ ส่วนตลาดจีนไทยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 300 กว่าล้านดอลลาร์ ซึ่งสงครามการค้าครั้งนี้ไทยจะต้องระมัดระวังและสร้างโอกาส ทั้งเรื่องการเจรจา และการบุกตลาด โดยไทยจะเร่งเสริมตลาดในเมืองหลักปละเมืองรองทั้งของจีนและสหรัฐฯ” รมว.พาณิชย์ กล่าว แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้เตรียมแนวทางในการป้องกันปัญหา ได้แก่ การเจรจาระหว่างไทย-จีน ทั้งนี้หากดำเนินการแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ไทยจะต้องตั้งรับโดยการออกมาตรการปกป้องธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องในประเทศ ส่วนกรณีที่มีสินค้าที่เจรจาแล้วแต่ไม่สำเร็จและถูกกดดัน ไทยจะใช้มาตรการตอบโต้กลับหรือเสนอต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO ซึ่งในระยะสั้นอาจจะกระทบต่อการค้าทั่วโลกที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมองลึกลงไปรายสินค้าซึ่งเรื่องที่สำคัญที่สุด เช่น เหล็ก หากมองทั้งก้อน ไทยส่งออกมีมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นท่อเหล็ก ดังนั้นแปลว่าไทยไม่ได้สูญเสียเหล็กไปสหรัฐฯหรือหายไปทั้งก้อน ดังนั้นจะต้องมองเป็นรายสินค้า และวิเคราะห์ให้ละเอียด ซึ่งจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะทำการบ้านเชิงลึกให้มากขึ้น เช่น ตลาดผลไม้ที่สหรัฐฯหากไม่สามารถส่งออกมาจีนได้ ไทยก็จะต้องใช้โอกาสนี้บุกตลาด อย่างไรก็ดีเบื้องต้นมีสินค้า 50 รายการที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตที่มีการส่งออกไปจีนเชื่อว่าไทยจะยังรักษาเสถียรภาพทางการค้าไว้ได้ และเร็วเกินไทยที่จะมีการสรุปผลกระทบที่เกิดขึ้น ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว