“นายกฯ”สั่งพลังงาน-ปตท.ตามคดีน้ำมันรั่วที่มอนทาราเมื่อปี 52

“นายกฯ”สั่งพลังงาน-ปตท.ตามคดีน้ำมันรั่วที่มอนทาราเมื่อปี 52 พร้อมให้ “กลาโหม” เป็นเจ้าภาพรวมข้อมูลทำพีอาร์การแก้ปัญหาไอยูยู

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) ได้เผยแพร่ข้อสั่งการของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 27 มีนาคม 2561 โดยพลเอกประยุทธ์มีข้อสั่งการ 2 เรื่องระบุว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานด้านกิจการทางทะเลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พร้อมด้วยผู้ว่าการธนาคารอินโดนีเซีย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2561 เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและอินโดนีเซีย



1.สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามเรื่องการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU) อย่างรอบด้าน เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วน

2.สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงการต่างประเทศติดตามความคืบหน้าในคดีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา (ในทะเลติมอร์ นอกชายฝั่งทางเหนือของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐและโอกาสทางการลงทุนของประเทศไทยในอินโดนีเซีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการรั่วไหลของน้ำมันที่มอนทาราเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 และรั่วไหลจนถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 รวม 74 วัน) ซึ่งมี ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ออสตราเลเซีย (PTTEPAA) เป็นผู้ดำเนินงาน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของปตท. สผ. แต่ PTTEP AA ถูก The Coordinating Ministry for Maritime Affairs ของอินโดนีเซีย ยื่นฟ้องต่อศาลในกรุงจาการ์ตา เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว