นายกฯเตรียมมอบสามของขวัญให้คนไทยเนื่องในวันปีใหม่ไทย

06 เม.ย. 2561 | 14:00 น.
- 6 เม.ย. 61 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ“ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า “รัฐบาลได้เตรียมมอบของขวัญ “ปีใหม่ไทย” สำหรับพี่น้องประชาชนทุกคน รวมทั้งลูกหลาน เยาวชนของเราในช่วงเดือนเมษายน ตามที่ผมได้เคยกล่าวไว้บ้างแล้ว

1. การเปิดช่องทางการสื่อสารใหม่ “สายด่วนไทยนิยม” ในรูปแบบแอปพลิเคชั่นบนมือถือ เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก เมื่อวันอังคารที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี สำหรับรับเรื่องราวร้องเรียนจากประชาชน รับฟังความคิดเห็น ทั้ง “คำติเพื่อก่อ” และกำลังใจ หรืออะไรก็แล้วแต่นะครับ ที่จะช่วยทำให้รู้สึกว่าเราใกล้ชิดกัน นำไปสู่ความร่วมมือร่วมใจ ไปจนถึงสร้างความเข้าใจและปรองดองของคนในชาติ

ทั้งนี้เราจะเชื่อมโยงข้อมูลกับช่องทางอื่นๆ ที่มีอยู่เดิม อาทิ สายด่วน 1111ของรัฐบาล ที่มีเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อีกกว่า 300 หน่วยงาน เช่นสายด่วน 1567 “ศูนย์ดำรงธรรม” ของกระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1299 “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ” ของคสช. สายด่วน 191 “แจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย” ซึ่งปัจจุบันเริ่มคุ้นเคยในรูปแบบแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ชื่อ “โปลิศ ไอ เลิร์ท ยู” นะครับ ที่กำลังขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป

ซึ่ง “สายด่วนไทยนิยม” และ “สายด่วน 1111” นี้ จะเป็นเครื่องมือรับเรื่องราวจากพี่น้องประชาชน “ทุกลักษณะ” ทั้งให้คำปรึกษา ทั้งเรื่องเล็ก-เรื่องใหญ่ เรื่องฉุกเฉิน เรื่องไม่ฉุกเฉิน ซึ่ง 90% สามารถแก้ไขได้โดยใช้เวลาสั้นๆ นะครับแต่เป็นทุกข์ของประชาชนมายาวนาน

ส่วนเรื่องที่ต้องอาศัยการบูรณาการกันนั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับตัวบทกฎหมาย ก็จะส่งต่อถึงหน่วยงานของรัฐ “ทุกกระทรวง” ที่เกี่ยวข้อง ให้รับเรื่องไปดำเนินการนะครับ โดยจะสามารถติดตามความคืบหน้าได้ เนื่องจากอยู่ใน “ระบบฐานข้อมูล” อยู่แล้ว ในส่วนที่ 2 นี้อาจต้องอาศัยเวลา ก็ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้ง หรือละเลยนะครับ และไม่ทิ้งให้ใครประสบชะตากรรมโดยลำพัง โดยที่หน่วยงานของรัฐไม่เข้าไปดูแลนะครับ

เรื่องที่ 2. การเปิดตัววิทยุเพื่อครอบครัว คลื่นเอฟเอ็ม 105 MHz ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเริ่มให้บริการใน “วันครอบครัว” วันที่14 เม.ย.นี้ และจะพัฒนาให้เป็นวิทยุเพื่อเด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง และทุกคนในครอบครัว อย่างเต็มรูปแบบต่อไป โดยจะทำการเผยแพร่ผ่าน ทั้งสื่อวิทยุและสื่อออนไลน์ “ควบคู่” กันไปด้วย

จะได้เห็นหน้าเห็นตากันนะครับกับผู้ดำเนินรายการ ได้ทำกิจกรรมร่วมกันไปด้วย ซึ่งจะคัดสรรนักจัดรายการมืออาชีพ หรืออาสาสมัคร หรือนักศึกษาฝึกปฏิบัติ ก็ตาม แต่ต้องไม่นำเสนอสาระและบันเทิงที่ผิดเพี้ยน หรือลดคุณค่าของเนื้อหาในรายการลงนะครับ เพราะผมก็เชื่อว่าในเมื่อ “รัฐบาลสร้างคน คนก็สร้างชาติ” นะครับ และ “พลเมืองดีของชาติ” ก็จะสร้างจากครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณภาพ  ก็ขอเชิญชวนติดตามรายการต่างๆ ตามข้อมูลที่จะได้ประชาสัมพันธ์ออกไปอีกครั้งนะครับ

และ 3. การจัดพิมพ์หนังสือ “ชุดความรู้” สำหรับประชาชนและเยาวชนซึ่งกำหนดจะเปิดตัวช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งผมคาดหวังว่าจะช่วยให้พี่น้องประชาชนได้ “รู้สิทธิ์ของตน” จะได้ไม่ตกข่าว ไม่ถูกสวมสิทธิ์ หรือไม่เป็นเหยื่อการทุจริต เหมือนที่เป็นคดีอยู่ในปัจจุบันนะครับ รวมทั้ง “รู้นโยบายของรัฐ” จะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง และแสวงหาความร่วมมือ ร่วมใจกัน ทำเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป

ยกตัวอย่างนโยบาย “ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมฯ” ที่ผมริเริ่มให้จัดขึ้นที่ข้างทำเนียบรัฐบาล ตลอด 3 ปี ที่ดำเนินงาน ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ กว่า 3,000 ล้านบาท ก็นับว่าประสบความสำเร็จนะครับ ด้วยหลักคิดในการยกระดับตลาดชุมชน ตลาดสดทั่วๆ ไป ที่มีอยู่แทบทุกหมู่บ้าน ให้เป็นพื้นที่พัฒนาองค์ความรู้ให้เกษตรกร ผู้ผลิต ในเรื่องการทำบัญชีธุรกิจ การจับคู่ทางธุรกิจ การต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และการตลาดเป็นต้นนะครับ

ปัจจุบัน แนวความคิดนี้ ก็ได้ขยายผลไปสู่ “ตลาดประชารัฐ” กว่า 6,000 แห่ง ทั่วประเทศ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตั้งตลาดมาอย่างไร ก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นนะครับ“ผู้บริหารตลาด” ก็ต้องศึกษาสภาพ แวดล้อมที่มีลักษณะเฉพาะ ความต้องการของชุมชนของตน

และปรับปรุงตลาดประชารัฐของท่าน ให้ตอบสนองพฤติกรรมของชาวชุมชน เช่น เป็นตลาดสินค้าอินทรีย์ สินค้าที่บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI ตลาดสินค้า OTOP ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวชุมชน ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อีกด้วย ซึ่งต้องดึงกลไก “ประชารัฐ” ในพื้นที่ของตนเข้ามาร่วม นะครับ

ทั้ง 3 รายการดังกล่าวนั้น เป็นความตั้งใจของผม รัฐบาล และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการนำเทคโนโลยียุคดิจิทัล นวัตกรรมใหม่ๆ และสิ่งสร้างสรรค์มาสู่สังคมไทยของเรา เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของเราทุกคนในอนาคตนะครับ”