"สมคิด" ตอบทูตมะกัน ปีหน้าเลือกตั้งเเน่นอน

05 เม.ย. 2561 | 10:59 น.
- 5 เม.ย. 61 - นายกลิน เดวี่ส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบและหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นกำหนดการเร่งด่วนที่ไม่ได้มีการระบุในวาระงานของทำเนียบรัฐบาลประจำวันนี้

นายสมคิด เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ขอให้ไทยเร่งพิจารณาเรื่องการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ โดยยืนยันว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวของของไทย เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาถือข้อดีข้อเสียของการดำเนินการดังกล่าวอยู่ คาดว่าในเร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุป และทางรัฐบาลจะแจ้งเรื่องดังกล่าให้ทางสหรัฐฯ ได้รับทราบอีกครั้ง

“เขามาคุยเรื่องนำเข้าหมูเนื้อแดง แต่ได้แจ้งไปว่าอยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องหมูที่ไม่หมู จะต้องเจรจาต่อรองกันต่อไป” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ยืนยันไปว่า รัฐบาลไทยพร้อมเดินหน้าจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปที่ประกาศไว้

“เขาได้ถามเรื่องของการเลือกตั้ง ผมก็ตอบไปว่าขอให้วางใจว่ามีการเลือกตั้งในต้นปีหน้าอย่างแน่นอน” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนี้ยังหารือถึงแผนช่วยเหลือเรื่องการพัฒนาแรงงานคุณภาพของไทยรองรับไทยแลนด์ 4.0 รวมทั้งการให้สิทธิ์พิเศษทางภาษี GSP กับสินค้าไทยหลายรายการ แม้ว่าสหรัฐจะปรับเพิ่มภาษีกับหลายประเทศ แต่ในส่วนของไทยยังให้สิทธิ์พิเศษหลายรายการไม่น่าห่วง โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบจากปัญหาเหล็ก นายสมคิด มองว่าปัญหาน่าจะคลี่คลายมากขึ้นไม่น่าห่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกรณีของการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ นั้น เป็นผลมาจากการเดินทางเยือนสหรัฐฯของคณะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อไม่นานมานี้ โดยสหรัฐฯต้องการส่งออกเนื้อสุกรมายังประเทศไทย แต่จากการพิจารณาพบว่า เนื้อสุกรของสหรัฐฯมีสารเร่งเนื้อแดง ทำให้มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย จนทำให้ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุดโดยมีหน่วยงานต่างๆ ได้ศึกษาเรื่องการนำเข้าเนื้อสุกรนี้ให้ได้ข้อสรุปอีกครั้ง

ขณะเดียวกันในการหารือครั้งดังกล่าว ยังได้มีการหารือถึงกรณีที่รัฐสภาสหรัฐฯได้ผ่านร่างกฎหมายการต่ออายุโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) และเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามเห็นชอบร่างกฎหมายแล้ว ทำให้โครงการจีเอสพีถูกต่ออายุไปอีก 2 ปี ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2561 เป็นต้นไป ซึ่งไทยได้ขอขอบคุณที่สหรัฐฯ ช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว เพราะจะส่งผลดีต่อไทย นอกจากนี้ยังได้ขอให้สหรัฐฯ เข้ามาช่วยเหลือไทยในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทยด้วย