“บัณฑูร” ปรับรายได้ค่าธรรมเนียม เชื่อแข่งขันรุนแรงบีบส่วนต่าง ”ดอกเบี้ย” เร่งหารายได้ด้านอื่นชดเชย

04 เม.ย. 2561 | 12:41 น.
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่องการปรับเป้าหมายทางการเงินในส่วนของการเติบโตรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (ค่าธรรมเนียม) สำหรับปี 2561 จากเดิมไม่มีการเติบโต (Flat) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นลดลง 6-8% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสภาวะเศรษฐกิจ คาดว่าน่าจะเป็นผลจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมการธุรกรรมบนช่องทางออนไลน์เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนเป้าหมายทางการเงินในปี 2561 ยังเหมือนเดิม คือ ตั้งเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อไว้ที่ 5-7% หนี่ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ระดับ 3.3-3.4%

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 106 ว่า ส่วนที่มีการปรับเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมนั้น เป็นการประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริงล่าสุด ขณะที่ ภาพรวมการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ถูกบีบตลอดเวลา รวมการแข่งขันในเรื่องของค่าธรรมเนียมที่จากเดิมเคยได้ก็ถดถอยลง อย่างไรก็ดี จะเห็นการแข่งขันในโลกขึ้นมาอยู่บนเทคโนโลยี และรูปแบบดิจิตอลแพลตฟอร์ม ซึ่งเรื่องนี้จะเห็นว่าธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญ และเป็นผู้นำในด้านนี้อยู่
266 ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันที่เคยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ธนาคาร ปัจจุบันก็ต้องพยายามหาผลิตภัณฑ์แบบใหม่มาตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เช่นเดียวกับการทยอยปิดสาขานั้น ธนาคารทำเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เนื่องจากมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับให้บริการลูกค้าแทน ซึ่งลูกค้ายังคงได้รับบริการที่สะดวกสบายเหมือนเดิม ส่วนพนักงานยังคงอยู่ไม่ได้ไปไหนหรือปรับลดลง แต่จะถูกโยกไปทำหน้าที่อื่นแทน

ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อย่างไรก็ดี ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เป็นธุรกิจที่ธนาคารกสิกรไทยปล่อยสินเชื่อและให้ความสำคัญมากกว่าที่อื่น ซึ่งธนาคารก็คาดหวังว่าในระยะยาวลูกค้าเหล่านี้จะพัฒนามาเป็นลูกค้าของธนาคารมากขึ้น ส่วนจะลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีจะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป

“การแข่งขันเรื่องของรายได้ค่าธรรมเนียมนั้นเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ ไม่ใช่เฉพาะธนาคารพาณิชย์ จากเดิมที่เป็นส่วนที่คาดหวัง อาจจะต้องหารายได้รูปแบบอื่น หรือทำมาหากินที่ฉลาดขึ้น เพราะของง่ายแบบเดิมไม่สามารถทำได้แล้ว

ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะ ส่วนเรื่องหุ้นตกจากกระแสข่าวการเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูเพิ่มนั้น ไม่สามารถบอกได้ เพราะจะเป็นการชี้นำตลาด แต่โดยหลักการประเทศไทยมีความคาดหวังสูงจากระบบธนาพาณิชย์ ให้ทำนู้นทำนี่ เพราะเงินทั้งประเทศมากองอยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่อยากให้ผู้เกี่ยวข้องทำเรื่องนี้ให้สมดุล เพราะระบบสถาบันการเงินเป็นพื้นฐานที่พัฒนาระบบเศรษฐกิจได้ในระยะยาว”
  ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าว
18-02 ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อและมีการปรับพอร์ตตลอดเวลาเพื่อให้ทันการณ์และเหมาะสมกับโอกาส และอยู่ในวิสัยความเสี่ยงที่รับได้ และได้อัตราดอกเบี้ยรับ ตลอดจนการบริหารจัดการต้นทุนเงินฝากที่ค่อนข้างดี

จึงเป็นสาเหตหนึ่งที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยรับดีขึ้น แต่ทั้งนี้ ในส่วนของการตั้งสำรองที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น มาจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าภาพเศรษฐกิจและธุรกิจไม่ชัดเจน ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองสูง เพื่อให้เป็นไปตามการกำกับดูแลความมั่นคงของธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายของธนาคารพาณิชย์ที่จะต้องหารายได้มาเพิ่มด้วย แต่ปัจจุบันเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น

นายบัณฑูร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่เห็นด้วย กับแผนการลงทุนเพื่อสร้างจุดยืนการตลาดในระดับภูมิภาค พร้อมกับแผนยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจบริการทางการเงินในรูปแบบดิจิตอลแบงกิ้งในภูมิภาค AEC+3 โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMVI อาทิ การรับชำระเงินผ่าน QR Code ธุรกิจกระเป๋าตังค์อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น จึงเสนอที่ประชุมอนุมัติกรอบการดำเนินการขยายธุรกิจโดยวิธีการเข้าซื้อหรือร่วมทุนในกิจการในจำนวนเงินไม่เกิน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อการลงทุนแต่ละครั้ง และให้อยู่ภายในกรอบการลงทุนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 0.54% ของสินทรัพย์รวมของธนาคาร ณ สิ้นปี 2560 เพื่อให้การดำเนินการได้อย่างคล่องตัวและทันการณ์
640x390_721783_1475816176 ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทั้งนี้ มองว่าหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่เห็นด้วย เพราะภาพธุรกิจหรือลักษณะธุรกิจไม่ชัดเจน เนื่องจากธุรกิจที่การปรับเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว หากไม่ทำวันนี้โอกาสอาจจะหายไปได้ ดังนั้น หากไม่สามารถลงทุนได้โดยตรง อาจจะต้องหาวิธีอื่นในการทำธุรกิจ เช่น ร่วมทุนเป็น Partnership ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพันธมิตรว่าต้องการอะไรด้วย แต่หากได้รับการอนุมัติจะทำให้ธนาคารมีความคล่องตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติแต่งตั้งกรรมการใหม่ 2 คน คือ นายพัชร สมะลาภา เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการที่เป็นผู้บริหาร และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เหมาะสม