7 DAYS IN ENTEBBE

02 เม.ย. 2561 | 10:02 น.
โจเซ่ พาดิลฮา ผู้กำกับภาพยนตร์ 7 DAYS IN ENTEBBE บอกเล่าเรื่องราวคู่ขนานกันสองเรื่องซึ่งเกี่ยวพันกับเหตุการณ์จู่โจม โดยเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องราวของเหล่าตัวประกันและกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร และเผยถึงสภาพจิตใจที่เปลี่ยนแปรไปตามวันเวลาที่ล่วงผ่าน ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนั้น จะแสดงให้เห็นถึงการพูดคุยถกเถียงกันภายในคณะรัฐบาลอิสราเอลต่อเหตุการณ์จี้เครื่องบินที่เกิดขึ้น โดยมีฝ่ายที่ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้มีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้นโดยเด็ดขาดคือ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ชิมอน เปเรส ตรงข้ามกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยิตซัค ราบิน ผู้มองว่าควรนำเอาการเจรจาต่อรองขึ้นมาเป็นทางเลือก

7 days in entebbe_Resize (3) เมื่อสี่สลัดอากาศบุกเข้ายึดครองเครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ ที่กำลังบินออกจากกรุงเทล อาวีฟ ตรงไปยังกรุงปารีส ในวันที่ 27 มิถุนายน 1976 ผู้โดยสารจำนวน 248 คนต่างก็คาดเดาไม่ออกเลยว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายใดๆกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ ยิ่งถูกปืนจ่อบังคับให้ต้องยอมส่งมอบพาสปอร์ต เหล่าตัวประกันที่กำลังขวัญหนีดีฝ่อก็รีบยินยอมทำตามคำบัญชาของพวกผู้ก่อการร้ายทันที ต่างจากกลุ่มที่คุมสติได้ซึ่งพยายามหาทางปกปิดตัวตนเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

สลัดอากาศสองคนเป็นชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (The radical Popular Front for the Liberation of Palestine) ส่วนอีกสองคนคือ วิลเฟร็ด โบเซ่ (แดเนียล บรูห์ล-Daniel Bruhl) กับ บริจิตต์ คูห์ลมานน์ (โรซามุนด์ ไพค์) เป็นหนุ่มสาวชาวเยอรมันผู้มีแนวคิดชาตินิยมหัวรุนแรง ซึ่งสนับสนุนการก่อการร้ายบนเครื่องบินของสองสลัดอากาศชาวปาเลสไตน์

7 days in entebbe_Resize (21) ในเวลาเดียวกัน ณ กรุงเยรูซาเล็ม นายกรัฐมนตรี ยิตซัค ราบิน (ลิออร์ แอชเคนาซี-Lior Ashkenazi) รับทราบข่าวเกี่ยวกับการจี้เครื่องบินครั้งนี้ ในระหว่างการประชุมเครียดเกี่ยวกับงบประมาณทางการทหารที่สูงลิ่ว จนต้องยุติการประชุมทันควัน เขาและ นายชิมอน เปเรส (เอ๊ดดี้ มาร์ซาน-Eddie Marsan) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับท่าทีของประเทศอิสราเอลว่าควรจะดำเนินไปในทิศทางใด นายเปเรสยืนยันอย่างหนักว่าท่านนายกฯ ไม่ควรเจรจาต่อรองกับกลุ่มสลัดอากาศ ซึ่งเรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวน 5 ล้านดอลล่าร์ รวมถึงให้มีการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์จำนวนกว่า 50 คนที่ถูกคุมขังอยู่ทั่วโลก แต่แนะนำให้ใช้วิธีการทางการทหารเข้าแก้ไขปัญหา

เครื่องบินที่ถูกสลัดอากาศยึดครองถูกบังคับให้บินออกนอกเส้นทางไปลงจอดยังสนามบินเอนเทบเบ้ ในประเทศยูกันดา และได้พบกับจอมเผด็จการชื่อดังระดับประเทศ อีดี้ อามิน (นอนโซ อาโนซี-Nonso Anozie) โดยผู้โดยสารทั้งหมดที่กลายสภาพเป็นตัวประกันต้องถูกควบคุมตัวไว้ในอาคารสนามบินร้างโดยมีสลัดอากาศที่มีอาวุธครบมือคอยเฝ้าจับตาดูอยู่ตลอดเวลา และถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มตามเชื้อชาติ ซึ่งผู้โดยสารที่เป็นชาวอิสราเอลจะถูกแยกไปไว้อีกห้องหนึ่ง

28X40 การถูกกดดันโดยญาติและครอบครัวของตัวประกัน ผนวกกับคำขู่ว่าจะมีการสังหารตัวประกันจำนวนมาก ทำให้นายกรัฐมนตรีราบินตัดสินใจไม่ทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มสลัดอากาศ และออกคำสั่งให้มีปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันทันที โดยใช้ชื่อว่า “ปฏิบัติการสายฟ้าฟาด” (Operation Thunderbolt) ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการเสี่ยงตายที่ใช้เวลาในการลงมือเพียงไม่นาน เพื่อมิให้ศัตรูทันตั้งตัว และต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านด้วยจึงจะสำเร็จ ในขณะที่กำหนดเส้นตายยิ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ ความตึงเครียดกดดันยิ่งทับทวี ทหารหน่วยคอมมานโดของอิสราเอลได้เปิดฉากบุกจู่โจมสนามบินเอนเทบเบ้ ในภารกิจสุดเสี่ยงตายที่ไม่เคยมีใครเผชิญหน้ามาก่อน เพื่อช่วยเหลือตัวประกันให้ได้รับอิสรภาพ ก่อนที่จะสายเกินไป...