คกก.ปฏิรูปฯชงรื้อกฎหมายขายฝากเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น
ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย แถลงความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศ "กฎหมายยุคใหม่ เท่าเทียมและเป็นธรรม"
โดยนายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายจะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มกฎหมายที่ล้าหลังไม่ทันสมัย 2.กลุ่มกฎหมายที่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และ3.กลุ่มกฎหมายทางด้านเศรษฐกิจ มีจำนวนเรื่องทั้งหมด 10 เรื่องที่เสนอให้ดำเนินการแก้ไข
นายบวรศักดิ์ ยกตัวอย่างการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตามแผนมีการเสนอตั้งคณะกรรมการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม แม้รัฐบาลนี้ไปแล้วกรรมการชุดนี้ยังทำงานต่อไป ส่วนกฎหมายที่ต้องแก้ไข คือ “กฎหมายขายฝาก” เพื่อแก้ปัญหากรณีที่ประชาชนต้องการเงินทุนแต่ธนาคารไม่ให้กู้ จึงต้องนำโฉนดที่ดินไปขายฝากแทนการจำนอง เมื่อไม่สามารถไถ่คืนหรือชำระหนี้ได้ที่ดินก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทุน ซึ่งเป็นการเลี่ยงฟ้องร้องบังคับคดีจำนอง ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกให้เร่งทำเรื่องนี้
“การขายฝากได้รับความนิยมระดับนายทุนปล่อยเงินกู้ ทำให้ชาวบ้านต้องเสียที่ดินทำกิน ที่ต้องแยกขายฝากอสังหาริมทรัพย์ออกจากประมวลกฎหมายแพ่งฯ แล้วออกกฎหมายพิเศษ ซึ่งไม่ใช่การเลิกขายฝาก ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะหาเงินไม่ได้ แต่สัญญาขายฝากต้องเขียนพิเศษ คุมด้วยกระบวนการคุมสัญญาโดยหน่วยงาน อย่างเช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และรัฐบาลเองจะต้องมีแหล่งเงินทุนให้ชาวบ้าน หากขายฝากแล้วกรรมสิทธิ์ที่ดินหลุดไป ต้องมีธนาคารที่ดินของรัฐเข้าไปเอาคืนจากนายทุน และนำกลับไปให้ประชาชนไถ่หรือผ่อน”
นายบวรศักดิ์ ยกตัวอย่างกลุ่มกฎหมายทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในระดับโลกได้ เพราะพบว่าต้นทุนค่าโลจิสติกส์ของประเทศไทยยังสูงกว่าหลายประเทศเกือบ 10% ถ้าสินค้าส่งไปขายที่ไหนก็แพงกว่าประเทศอื่น 10% แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง ดังนั้นจะทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้ลดลง จึงเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปกฎหมายระยะเร่งด่วน นำกฎหมายที่ออกใบอนุมัติ อนุญาตที่มีกว่า 5,000 ฉบับ มาทบทวน เพราะสร้างภาระการจ่ายเงินให้กับเอกชนในการลงทุน จะนำกฎหมายเหล่านี้มาดูแลแล้วยกเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็นออกไป
โดยนายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายจะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มกฎหมายที่ล้าหลังไม่ทันสมัย 2.กลุ่มกฎหมายที่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และ3.กลุ่มกฎหมายทางด้านเศรษฐกิจ มีจำนวนเรื่องทั้งหมด 10 เรื่องที่เสนอให้ดำเนินการแก้ไข
นายบวรศักดิ์ ยกตัวอย่างการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตามแผนมีการเสนอตั้งคณะกรรมการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม แม้รัฐบาลนี้ไปแล้วกรรมการชุดนี้ยังทำงานต่อไป ส่วนกฎหมายที่ต้องแก้ไข คือ “กฎหมายขายฝาก” เพื่อแก้ปัญหากรณีที่ประชาชนต้องการเงินทุนแต่ธนาคารไม่ให้กู้ จึงต้องนำโฉนดที่ดินไปขายฝากแทนการจำนอง เมื่อไม่สามารถไถ่คืนหรือชำระหนี้ได้ที่ดินก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทุน ซึ่งเป็นการเลี่ยงฟ้องร้องบังคับคดีจำนอง ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกให้เร่งทำเรื่องนี้
“การขายฝากได้รับความนิยมระดับนายทุนปล่อยเงินกู้ ทำให้ชาวบ้านต้องเสียที่ดินทำกิน ที่ต้องแยกขายฝากอสังหาริมทรัพย์ออกจากประมวลกฎหมายแพ่งฯ แล้วออกกฎหมายพิเศษ ซึ่งไม่ใช่การเลิกขายฝาก ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะหาเงินไม่ได้ แต่สัญญาขายฝากต้องเขียนพิเศษ คุมด้วยกระบวนการคุมสัญญาโดยหน่วยงาน อย่างเช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และรัฐบาลเองจะต้องมีแหล่งเงินทุนให้ชาวบ้าน หากขายฝากแล้วกรรมสิทธิ์ที่ดินหลุดไป ต้องมีธนาคารที่ดินของรัฐเข้าไปเอาคืนจากนายทุน และนำกลับไปให้ประชาชนไถ่หรือผ่อน”
นายบวรศักดิ์ ยกตัวอย่างกลุ่มกฎหมายทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในระดับโลกได้ เพราะพบว่าต้นทุนค่าโลจิสติกส์ของประเทศไทยยังสูงกว่าหลายประเทศเกือบ 10% ถ้าสินค้าส่งไปขายที่ไหนก็แพงกว่าประเทศอื่น 10% แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง ดังนั้นจะทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้ลดลง จึงเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปกฎหมายระยะเร่งด่วน นำกฎหมายที่ออกใบอนุมัติ อนุญาตที่มีกว่า 5,000 ฉบับ มาทบทวน เพราะสร้างภาระการจ่ายเงินให้กับเอกชนในการลงทุน จะนำกฎหมายเหล่านี้มาดูแลแล้วยกเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็นออกไป
