นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์บีวายดีที่ได้เลือกมาทำตลาดในเบื้องต้น ประกอบด้วย
• BYD c6 - เป็นรถโค้ชไฟฟ้าขนาด 24 ที่นั่ง โดย BYD c6 ถือเป็น 1 ในรถบัสไฟฟ้าของ BYD ที่ได้ถูกส่งมอบไปแล้วกว่า 35,000 คันทั่วโลก ซึ่งจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย พบว่า การใช้รถไฟฟ้า BYD สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณ 200% เมื่อเปรียบเทียบกับรถบัสดีเซล
• BYD T3 - เป็นรถตู้ขนส่งสินค้าขนาดเล็ก ซึ่งทั้ง DHL และ UPS ในประเทศจีน ต่างเปลี่ยนมาใช้รถ BYD T3 ในการขนส่งจดหมายและพัสดุในเมืองตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา โดยมีขนาดของแบตเตอรี่ 50.3kWh ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จเต็มอยู่ที่ 300 กิโลเมตร พร้อมส่งมอบในประเทศไทยได้ช่วงปลายปีนี้
• BYD Electric Forklift ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและยาที่ต้องการความสะอาดมากเป็นพิเศษ ซึ่งรถยกไฟฟ้าของบีวายดีจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปในการดำเนินการได้กว่า 50% เมื่อเทียบกับรถยกดีเซล ได้รับรางวัล IFOY หรือ International Intralogistics and Forklift Truck of the Year ปี 2016 หน่วยงานอิสระภายใต้การดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของประเทศเยอรมนี
• BYD Electric Baggage Towing Tractor - รถหัวลากกระเป๋าในท่าอากาศยานที่สามารถตอบโจทย์ทุกงานหนัก ไม่ว่าจะเป็นการลากสัมภาระขนาดใหญ่ ไร้มลพิษ ปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน ก้าวสู่ความเป็น Smart Airport อย่างแท้จริง โดย BYD Electric Tractor ได้รับความนิยมจากท่าอากาศยานขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลก ทั้งเยอรมนี อเมริกา บราซิล ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรถหัวลากกระเป๋าของบีวายดีจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการได้กว่า 50% เมื่อเทียบกับรถหัวลากกระเป๋าในท่าอากาศยานที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล