มะม่วงไทย : ผลไม้ทางเลือก ส่งออกตลาดอินโดนีเซีย

01 เม.ย. 2561 | 23:05 น.
TP10-3353-1C อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่นำเข้าผลไม้จากไทยหลายชนิด โดยเฉพาะทุเรียน ลำไย และมะขาม ซึ่งในส่วนของลำไยนั้น อินโดนีเซียมีความต้องการนำเข้าผลไม้ชนิดนี้มากถึง 77,000 ตันต่อปี (ข้อมูลปี 2560) โดยสถานการณ์การนำเข้าลำไยจากไทยในปี 2560 มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 อินโดนีเซียได้เริ่มออกใบอนุญาตนำเข้า (import permit) ให้แก่ผู้นำเข้าผลไม้หลายราย ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา ไทยเป็นประเทศแหล่งนำเข้าลำไยอันดับ 1 ของอินโดนีเซีย โดยมีสัดส่วนกว่า 90% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 นี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกนโยบายรักษาสมดุลอุปสงค์และอุปทานลำไยภายในประเทศ โดยจำกัดการนำเข้าลำไยจากต่างประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมในปีนี้เพื่อปกป้องตลาดลำไยภายในประเทศ ซึ่งมีกำหนดเก็บเกี่ยวในช่วงเดียวกันของปี โดยกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า ผลผลิตลำไยภายในประเทศน่าจะเพียงพอต่อความต้องการในช่วงดังกล่าว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา มิได้นิ่งนอนใจ เร่งเข้าพบกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรอินโดนีเซียเมื่อเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขอให้กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียพิจารณาทบทวนมาตรการดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียแจ้งว่า แม้จะมีความเชื่อมั่นว่า ผลผลิตลำไยซึ่งส่วนมากผลิตจากจังหวัดชวากลาง น่าจะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการบริโภคในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของปีนี้ แต่หากพบว่าปริมาณลำไยขาดตลาด กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียก็พร้อมที่จะหารือกับกรมการค้าของอินโดนีเซียในการทบทวนนโยบายการนำเข้าลำไยดังกล่าว เพื่อให้ปริมาณลำไยมีเพียงพอกับความต้องการในประเทศ ซึ่งฝ่ายไทยจะได้ติดตามเรื่องนี้ต่อไป

TP10-3353-2C เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ลำไยมิใช่ผลไม้ชนิดแรกที่อินโดนีเซียกำหนดมาตรการจำกัดช่วงเวลาการนำเข้า ด้วยเหตุผลเพื่อปกป้องผลผลิตภายในประเทศ แต่ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียก็ได้เคยออกมาตรการในลักษณะนี้กับการนำเข้าทุเรียนของไทยมาแล้วเช่นกัน จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่า ในอนาคต อินโดนีเซียน่าจะดำเนินการในลักษณะนี้กับผลไม้ชนิดอื่นๆ อีก ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการของไทยต้องปรับตัวให้มากขึ้น ทั้งการกระจายความเสี่ยงโดยการหาช่องทางการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ นอกเหนือจากอินโดนีเซีย รวมทั้งการหาวิธีแปรรูปและเพิ่มมูลค่าของสินค้าเพื่อรักษาตลาดดั้งเดิมเอาไว้

นอกจากเรื่องลำไยที่นับเป็นข่าวที่ไม่สู้จะดีนักสำหรับเกษตรกรไทยแล้ว ก็นับว่ายังมีข่าวดีอยู่บ้าง โดยในปีนี้ ถือเป็นปีแรกที่อินโดนีเซียจะนำเข้ามะม่วงไทยในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีของเกษตรกรที่เพาะปลูกมะม่วง และผู้ส่งออกของไทย เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่มะม่วงของไทยออกผลพอดี ทั้งนี้ เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ประสงค์ส่งออกผลไม้สด จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้าพืชสวนของอินโดนีเซียอย่างเคร่งครัด โดยการส่งออกผลไม้ไปยังอินโดนีเซียต้องมีหลักฐานหรือใบรับรองผลการตรวจสอบที่ออกโดยห้องปฏิบัติการที่มีอำนาจ และได้รับการรับรองจากทางการอินโดนีเซีย ว่ามีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงที่ห้ามในอินโดนีเซีย และไม่มีเชื้อโรคทางพืชและแมลงตามที่รัฐบาลกำหนด

อนึ่ง เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจนำเข้า-ส่งออกผลไม้สด ต้องส่งออกมะม่วงผ่านผู้นำเข้าผลไม้ของอินโดนีเซียที่มีใบรับรองการดำเนินธุรกิจ Recommendation of Horticultural Products (RIPH) จากรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งเกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้จากประกาศของกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียทางเว็บไซต์ www.pertanian.go.id

พบกับอัพเดตความเคลื่อนไหวและโอกาสในตลาดต่างประเทศที่สถานทูตไทยทั่วโลกตั้งใจติดตามมาให้ภาคเอกชนไทยได้ที่เว็บไซต์ www.globthailand.com หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่ [email protected]

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,353 วันที่ 1 - 4 เมษายน พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว