ครม.คลอดหลักเกณฑ์ งบหมู่บ้านละ 2 แสน

29 มี.ค. 2561 | 11:20 น.
ครม.อนุมัติหลักเกณฑ์-ขั้นตอนการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน หมู่บ้านละ 2 แสนไม่เกิน 2 โครงการ ห้ามนำไปต่อยอดเงินกองทุนหมู่บ้าน-ห้ามแจกจ่ายเป็นเงินหรือสิ่งของประชาชน

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในคู่มือการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการ “ไทยนิยมยั่งยืน” (หมู่บ้าน/ชุมชนละ 2 แสนบาท) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

[caption id="attachment_263483" align="aligncenter" width="503"] ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์[/caption]

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ให้มีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยมฯ วงเงินงบประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นงบอุดหนุน 16,714.49 ล้านบาท และงบรายจ่ายอื่น 3,295.50 ล้านบาทรวมอยู่ด้วย ตามที่สำนักงบประมาณ (สงป.) เสนอ และเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 ได้มีมติเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 และร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมงบประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561

สำหรับโครงการนี้มีเวลาดำเนินการภายใน 120 วัน (ตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฎาคม 2561) มีเป้าหมาย 82,371 หมู่บ้าน/ชุมชน โดยการสนับสนุนงบหมู่บ้าน/ชุมชนละไม่เกิน 2 แสนบาท โดยโครงการที่เสนอมานั้นจะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เป็นโครงการที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน หรือเป็นโครงการที่สามารถทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก เป็นโครงการที่จะช่วยยกระดับหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนให้ดีขึ้น หรือเป็นโครงการที่น้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนความต้องการของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน

ทั้งนี้ กำหนดให้แต่ละหมู่บ้านหรือชุมชนแต่ละแห่งเสนอได้ไม่เกิน 2 โครงการ

นอกจากนี้โครงการจะต้องมีความพร้อมในเรื่องสถานที่ดำเนินการโดยต้องได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากผู้มีอำนาจหน้าที่ก่อนที่คณะกรรมการบริหารงานอำเภอ คณะกรรมการพิจารณาโครงการฯ ที่กรุงเทพมหานครแต่งตั้ง จะพิจารณาอนุมัติโครง การ และเป็นโครงการที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2561

กรณีที่เป็นโครงการที่จ้างแรงงานให้ใช้แรงงานคนไทยในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน หากไม่เพียงพอให้ใช้แรงงานในพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวโดยต้องจ้างแรงงานภายในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณตามโครงการหมู่บ้าน/ชุมชน

กรณีการดำเนินโครงการร่วมกันระหว่างหมู่บ้าน/ชุมชน ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไปให้ดำเนินการร่วมกันได้เฉพาะกรณีเป็นโครง การที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันและจะต้องมีพื้นที่ดำเนินการติดต่อกันโดยให้ทำเป็น 1 สัญญาจ้างและต้องใช้งบประมาณของทุกหมู่บ้าน/ชุมชนที่ร่วมกันในจำนวนที่เท่ากัน

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ “วิธีการคือ คณะกรรมการของหมู่บ้านหรือชุมชนจะเรียกประชุมประชาคมเพื่อนำปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการของประชาชนในหมู่บ้านมาคัดเลือกความต้องการให้ตรงกับหลักเกณฑ์และทำเป็นโครงการขึ้นมา จากนั้นคณะกรรมการบริหารงานอำเภอจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ”

ทั้งนี้ กำหนดห้ามนำงบประมาณไปต่อยอดเงินกองทุนหมู่บ้าน/ชุมชน หรือในลักษณะกองทุนหมุนเวียน รวมถึงห้ามนำงบประมาณไปดำเนินโครงการ กิจกรรม โดยวิธีหารเฉลี่ยหรือแบ่งเงิน สิ่ง ของให้ประชาชนหรือครัวเรือนในหมู่บ้านหรือชุมชน และห้ามแจกจ่ายเป็นเงินหรือสิ่งของให้กับประชาชน รวมถึงห้ามนำไปใช้ในลักษณะให้ประชาชนกู้ยืม ตลอดจนห้ามจัดทำโครงการซื้อครุภัณฑ์ เว้นแต่เป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์จำเป็นเพื่อประกอบโครงการ ทั้งยังห้ามนำไปจัดซื้อยานพาหนะประเภทใช้เครื่องยนต์หรือเครื่องไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ รถยนต์ อุปกรณ์สื่อสารกล้องวงจรปิด และแผนโซลาร์เซลล์ เป็นต้น

“นายกรัฐมนตรีได้เน้นยํ้าว่างบประมาณนี้สำหรับโครงการที่เร่งด่วนและเป็นที่ต้องการของประชาชนในชุมชน สำหรับแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างแท้จริง ไม่ให้นำงบประมาณนี้ไปทำเกี่ยวกับสาธารณูปโภคพื้นฐาน”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,352 วันที่ 29 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว