"ประยุทธ์" ยัน! ไม่ใช้ "ม.44" แก้ทุจริต "กองทุนเสมาฯ" เล็งใช้มาตรการดองคนทุจริต 3 ปี

28 มี.ค. 2561 | 06:38 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ระบุ จะมีการใช้มาตรา 44 กับข้าราชการทุจริตในกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ ว่า วันนี้ในที่ประชุม คสช. ตนให้แนวทางในเรื่องการพิจารณาบทลงโทษการทุจริตที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น

“โดยออกมาตรการต่อต้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้กับรัฐบาล เพราะ คสช. มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญเสนอมาตรการให้รัฐบาลปฏิบัติ เช่น กรณีที่มีข้อร้องเรียนมาก็ให้ต้นสังกัดตรวจสอบขั้นต้นภายใน 7 วัน และให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ถ้ามีมูลก็ปรับย้ายออกมาก่อน ถ้าร้ายแรงก็ย้ายมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ-ทหาร และรัฐวิสาหกิจ และถ้าผิดจริงก็จะมีทั้งเรื่องวินัย คดีอาญาและแพ่ง แต่ถ้าไม่ถึงขั้นไล่ออกก็กำหนดห้ามปรับย้ายสูงขึ้นหรือเทียบเท่าตำแหน่งเดิม ขึ้นบัญชีไว้ 3 ปี ไม่เช่นนั้นจะไม่กลัวกัน ไม่ใช่พอตรวจสอบเสร็จก็กลับมาใหม่อีกต่อไปนี้ไม่ให้แล้ว ส่วนอีกเรื่องคือ การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เกิดประสิทธิผล ไม่ตรงตามนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาเกียร์ว่าง วันนี้จะเข้มงวดทั้งหมด ไม่เช่นนั้น สื่อและสังคมไม่ไว้วางใจและปัญหาจะกลับมาที่รัฐบาลอีก”

 

[caption id="attachment_272471" align="aligncenter" width="503"] พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.[/caption]

เมื่อถามว่า สรุปแล้วยังไม่ออกมาตรา 44 แก้ปัญหาทุจริตกองทุนเสมาฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ใช้ ม.44 เพราะมีกฎหมายอยู่แล้วเพียงแต่เข้มงวดขึ้น ซึ่งขั้นตอนแรกเป็นเรื่องของกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน และ 30 วัน อีกขั้นเป็นเรื่องของกรรมการสอบสวนในเรื่องวินัย ว่า ควรจะย้ายออกหรืออยู่ในกระทรวง จากนั้นเป็นขั้นตอนตามกฎหมายคดีอาญาและแพ่ง เช่น กรณีการทุจริตเงินผู้ไร้ที่พึ่งของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ กรณีของกระทรวงศึกษาธิการมีคณะอนุกรรมการสามัญ (อ.ก.พ.) ประจำส่วนราชการระดับกระทรวงดำเนินการอยู่ ซึ่งอาจจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนก็ได้”

เมื่อถามว่า กรณีทุจริตกองทุนเสมาฯ คิดว่า เป็นขบวนการใหญ่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "เขาตรวจสอบอยู่ ประเด็น คือ ทำไมอยู่นานนัก ผมก็ไม่เข้าใจตรงนี้เหมือนกัน แต่เขาบอกว่า รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว คราวนี้ก็ต้องไปสอบว่า ใช่หรือไม่ใช่ ถึงใครก็ถึงคนนั้น รัฐบาลก็เร่งรัดกระบวนการตรวจสอบให้เร็วขึ้น เอาหน่วยงานภายนอกไปตรวจสอบด้วย มีทั้ง ศอตช.-ป.ป.ช.-ปปง.-ป.ป.ท. และถ้าจำเป็นก็มี ม.44 ประเด็นสำคัญผู้ที่มีความมัวหมองในเรื่องทุจริตหรือเรื่องอื่นทุกกรณีที่มีผลกระทบ อย่างการค้ามนุษย์อะไรต่าง ๆ เราจะไม่มีการปรับย้าย 3 ปี ถ้ามีคดีอาญาก็เอาออกไป ให้มีความเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น เวลา 3 ปี ไม่ใช่เบา ปรับย้ายไม่ได้ก็ลอยอยู่อย่างนั้น ถ้าผิดก็เอาออก วันนี้ตัวอย่างอันแรกข้าราชการของตำรวจอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์ระดับพ.ต.อ. ลงมา 14 ราย ย้ายมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและจะพิจารณาต่อว่าจะให้ออกจากราชการหรือไม่”

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ผู้ที่ทุจริตกองทุนเสมาฯ ดำเนินการเพียงคนเดียว พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "จะไปเชื่ออะไร ต้องเชื่อด้วยหลักฐาน โอนเงินไปที่ใคร ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วตนจะไปเชื่อใคร หลักฐานมีเพียงอย่างเดียวว่า มีเงินขาดหายไปจากบัญชีตรงนี้ โอนเข้าไป 20 บัญชี ก็ไปดูมาอย่างไร บางทีไม่มีชื่อเจ้าของบัญชีก็ต้องไปสอบต่อจากกระบวนการธนาคารที่เป็นคนโอนเงิน มันสอบได้อีกไกลแต่ขั้นตอนแรกคนแรกโดนก่อน”

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการเบิกจ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนประเภทเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งของ พม. ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น 59 ศูนย์ พบการทุจริต 21 ศูนย์ ไม่พบ 8 ศูนย์ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 30 ศูนย์ โดยศูนย์ที่ตรวจพบการทุจริตนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบขึ้นมาเป็นล็อต ๆ ซึ่งล็อตแรกตรวจสอบเสร็จแล้ว จะมีการรายงานผลมาให้ตนทราบในวันเดียวกัน (27 มี.ค.) เบื้องต้น พบข้าราชการระดับ 7 และ 8 เกี่ยวข้องจำนวน 5 คน โดยจะพิจารณาลงโทษให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ ส่วนล็อตที่ 2 จะทยอยได้ข้อสรุปและลงโทษต่อไป ยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างแท้จริง จะได้ไม่มีการมาร้องเรียนภายหลัง

 

[caption id="attachment_272475" align="aligncenter" width="503"] พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์[/caption]

เมื่อถามว่า ในส่วนที่พบการทุจริตสามารถเชื่อมโยงไปถึงปลัดและรองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ที่ถูกคำสั่งย้ายมาประจำสำนักนายกฯ ก่อนหน้านี้หรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า มีการให้การเชื่อมโยงทั้งหมด เพราะการทุจริตครั้งนี้มีทั้งเจ้าตัวปฏิบัติเอง และมีการสั่งให้ปฏิบัติ เมื่อถามว่า นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาระบุว่า การทุจริตดังกล่าวเริ่มตั้งแต่การวิ่งเต้นตำแหน่งเพื่อให้ได้ลงไปทุจริตในพื้นที่ด้วย พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ยอมรับว่ามีส่วน ข้อมูลจากทุกหน่วยตรงกัน ถือเป็นวงจร ภายใน 2 เดือนนี้ จะตัดวงจรแบบถอนรากถอนโคน

เมื่อถามว่า ตกใจหรือไม่เมื่อเข้ามาทำงานกระทรวงนี้แล้วพบการทุจริตจำนวนมาก พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า “ผิดหวังกับชื่อกระทรวง แต่คนดีเขายังมี คนไม่ดีต้องลงโทษกันไป ใครไม่ดีต้องลงโทษ ใครที่ดีต้องให้ก้าวหน้า คนในกระทรวงคงเข้าใจว่า ช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติของกระทรวง โดยวันที่ 28 มี.ค. จะมีการประชุมเรื่องยุทธศาสตร์การฟื้นฟูภาพลักษณ์กระทรวง ใครมีข้อมูลขอให้เอามาให้โดยเร็ว เรื่องจะได้จบ ไม่ต้องกลัวผู้บังคับบัญชาจะกลับมาใหม่แล้วลงโทษตัวเอง ยืนยัน เราเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ นายกฯ กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้เอาจริงโดยการตรวจสอบทั้งหมดจะยังใช้กฎหมายปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้ ม.44”


แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 73/2561 เรื่อง ให้ข้าราชการปฏิบัติบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กรณี การค้ามนุษย์เป็นปัญหาร้ายเเรง ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนกระทำความผิด จึงต้องดำเนินการทางวินัยและทางอาญา จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 แห่ง พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน 2534 สั่งย้าย 13 นายตำรวจ และ 1 ข้าราชการพลเรือน มาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจทั้ง 13 นาย ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่งให้ช่วยราชการสำนักนายกฯ นั้น สาเหตุมาจากตำรวจกลุ่มนี้ถูกดำเนินคดีจากกรณีเกี่ยวพันการค้ามนุษย์ อาทิ กรณีสถานบริการนาตาลี อาบอบนวด กทม. และสถานบริการใน อ.ภูเรือ จ.เลย โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีใน ป.ป.ช.-ป.ป.ท. การให้พ้นจากตำแหน่งไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ก็เพื่อให้การดำเนินการทางวินัย เป็นไปด้วยความรวดเร็ว หากพบหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ามีความผิดจริง ต้องดำเนินการทางวินัยให้ถึงที่สุด

 

[caption id="attachment_272480" align="aligncenter" width="503"] พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ[/caption]

“อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับมาโดยตลอดว่า     ตำรวจห้ามเกี่ยวข้องกระทำผิดกฎหมาย โดยเรื่องค้ามนุษย์ เเละยังสั่งการให้ปราบปรามจริงจัง”


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ครม. เห็นชอบแนวปฏิบัติของ คสช. ในการป้องกันและปราบปรามทุจริตระบบราชการ
“กฤษฏา” ย้ำกฎเหล็ก “ไทยนิยม" งบ 2.4 หมื่นล. สั่งจ่ายตรงอุดช่องทุจริต


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว