ฉลากอิเล็กทรอนิกส์-บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ พลิกโฉมอุตฯการผลิตแบบต่อเนื่อง (1)

26 มี.ค. 2561 | 23:05 น.
TP07-3351-1A การติดฉลากอัจฉริยะ (E-labeling) บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Packaging) และการ สร้างพันธมิตรทั่วโลก นำไปสู่แนวทางใหม่สำหรับบริษัทต่างๆ ในการสร้างฐานลูกค้าและผลกำไรเพิ่มมากขึ้น ในปี 2561 ปัจจัยเหล่านี้จะมีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารที่ลูกค้ากำลังให้ความสำคัญกับความโปร่งใสมากขึ้นเรื่อยๆ คาดการณ์ว่าจะเกิดสิ่งต่อไปนี้ขึ้นในปี 2561

1. การใช้ฉลากอิเล็กทรอ นิกส์ (E-Label) จะเติบโตเพิ่ม ขึ้น 50% เนื่องจากบริษัทต่างๆ เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของฐานลูกค้าที่มั่นคงและโอกาสในการเพิ่มผลกำไรจากการขายต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม

ลองนึกภาพว่า เมื่อคุณหยิบกระป๋องซุปในซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้านขึ้นมาดู แล้วเห็นข้อมูลระบุส่วนประกอบ 2 อย่างบนฉลาก ได้แก่ E948 และ E242 สงสัยไหมว่า 2 ตัวนี้มีความแตกต่าง กันอย่างไร E948 คือออกซิเจน (ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา) แต่คุณมองสังเกตเห็นอะไรไหม ใช่แล้ว E242 คือ “ไดเมทิลคาร์บอเนต” สารเคมีอันตรายที่เป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ดวงตา และทางเดินหายใจ

ตัวอย่างนี้บอกให้เราทราบว่าการติดฉลากนั้นมีประสิทธิภาพมากเพียงใด และทำไมผู้บริโภคจำนวนมากจึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

จากผลการวิจัยล่าสุดของ เคอรี่ กรุ๊ป (Kerry Group) พบว่า 74% ของผู้บริโภคระบุว่า การติดฉลากอาหารสะอาด (Clean Label: ผลิตภัณฑ์อาหารนั้นไม่ มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์) เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารในปัจจุบันและ9 ใน 10 จาก 53% ของผู้บริโภคที่อ่านฉลากมีความยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากอาหารสะอาดติดอยู่ ในปี 2561 เราจะได้เห็นแนวโน้มที่มีศักยภาพอย่างมากของฉลากทั้ง 2 รูปแบบ โดยเฉพาะในด้านการแปรรูปอาหาร (การติดฉลากอาหารสะอาดและการติดฉลากอิเล็กทรอนิกส์) เนื่องจากสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับผู้ผลิตที่เริ่มนำมาใช้ก่อนใคร

TP07-3351-2A จากคำกล่าวที่ว่า “กินอย่างไรได้อย่างนั้น” จะดีกว่า ไหมหากเรามั่นใจได้ 100% ว่าอาหารที่เรากำลังใส่เข้าปากนั้นคืออะไร ซึ่งความโปร่งใสและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้จากฉลากอาหาร กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อน การติดฉลากอาหารสะอาดได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคและห่วงโซ่มังสวิรัติแล้วในตอนนี้ และกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเข้าไปในร้านค้าบนฟากฝั่งของถนนทั้ง 2 ข้างทางด้วย

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Aldi ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่ใช้สารเติมแต่งและสารกันบูด 200 ชนิดในผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งการใช้สารแต่งเติมและสารกันบูดดังกล่าวถือเป็นเรื่องค่อนข้างปกติอย่างมากสำหรับอาหารแปรรูปในท้องตลาด ขณะที่Walmart ก็เริ่มตระหนักถึงยอดขายและฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีการนำฉลากอาหารสะอาดและความโปร่งใสเข้ามาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ ฉลาก Great for You (เหมาะกับคุณ) ที่แปะบนตัวผลิตภัณฑ์นั้นเป็นตัวชี้วัดว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นไปตามเกณฑ์ความสดและโภชนาการที่เหมาะสม ซึ่งได้รับการนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2555 และกำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้

ปัจจุบันมีจำนวนรายการอาหารของ Walmart มากกว่า 30% ที่ติดฉลาก Great for You เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในปี 2560 กลุ่ม Consumer Goods Forum (CGF) ในประเทศสหรัฐ อเมริกา ซึ่งเป็นเครือข่ายของบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค 400 แห่งใน 70 ประเทศทั่วโลกได้ประกาศว่าจะเดินหน้าปรับโฉมฉลากอาหารให้ง่ายกว่าเดิมภายในปี 2563

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก ภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มผู้บริโภค และผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่กำลังพยายามสร้างแรงกดดันให้เกิดความโปร่งใสและมีการแจ้งข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ทำให้ฉลากที่เรียบง่ายกว่าเดิมในรูปของฉลากอิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก และอาจเป็นช่องทางการขายใหม่ที่น่าสนใจและมีศักยภาพอย่างน่าสนใจอีกด้วย รหัส QR บนผลิตภัณฑ์อาหารสามารถนำผู้ซื้อไปยังเว็บไซต์ที่ไม่เพียงเห็นแค่ข้อมูลสำคัญตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น แต่ยังมีข้อมูลสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ความเป็นมาด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ สถานะ GMO ว่ามาจากฟาร์มและเกษตรกรรายใด ข้อมูลด้านจริยธรรม ข้อดีด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความพยายามด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ของแบรนด์

สำหรับผู้บริโภคแล้ว การติดฉลากอิเล็กทรอนิกส์หมายถึงความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่สำหรับผู้ผลิตแล้ว การติดฉลากอิเล็กทรอนิกส์จะหมายถึงโอกาสในการขายต่อยอดและการสร้างจุดขายสำหรับคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

แต่ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น การติดฉลากอิเล็กทรอนิกส์ยังนำเสนอโอกาสที่น่าดึงดูดใจในรูปของการติดฉลากแบบอินเตอร์แอกทีฟที่มีรูปแบบเฉพาะตัวอีกด้วย ฉลากที่ช่วยให้นักช็อปประ เภท DIY สามารถมองเห็นภาพโมเดลสุดท้ายบนหน้าจอได้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพียงแค่ใส่ข้อมูลขนาดของห้องเมื่อต้องการเลือกซื้อสีทาห้องหรือผ้าม่าน เป็นต้น และด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) นักช็อป ไม่จำเป็นต้องกวาดนิ้ว รอเวลา หรือดาวน์โหลดเพื่อเข้าถึงฉลากที่เต็มไปด้วยข้อมูลเหล่านี้อีกต่อไป เพียงแค่เดินผ่านไปใกล้ผลิตภัณฑ์ ก็จะมีการแจ้งเตือนแบบพุชให้ทราบโดยทันที

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,351 วันที่ 25 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว