ก.อุตฯผนึกก.ท่องเที่ยวฯช่วยเอกชนนำสินเชื่อSMEคนตัวเล็กปล่อยเงินทุน
ก.อุตสาหกรรม ร่วมมือ ก.ท่องเที่ยวและกีฬาฯ ช่วยเหลือเอกชนท่องเที่ยว นำสินเชื่อSMEคนตัวเล็กเข้าช่วยปล่อยเงินทุน
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ภายใต้ “โครงการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว” เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้คำแนะนำในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การบริหารจัดการ ระบบการเงิน ระบบขนส่ง และการตลาด
โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ที่รัฐบาลได้วางนโยบาย เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ตามโมเดลประเทศไทย 4.0 เป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น และกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการSME ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และพร้อมปรับตัวเข้าสู่ยุค 4.0
นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ประมาณ 4 แสนราย ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน หรือมีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในสถาบันการเงิน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมมีมาตรการด้านการเงิน คือ โครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสำหรับ SMEs-คนตัวเล็ก ในวงเงิน 8,000 ล้านบาท ภายใต้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นนิติบุคคลที่มีศักยภาพ ในการเข้าช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้มีเงินทุนเพียงพอในการลงทุน ขยายกิจการ หรือใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี โดยมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลาความร่วมมือนับตั้งแต่วันที่ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ถึง 31 ธันวาคม 2561 ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ภายใต้ “โครงการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว” เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้คำแนะนำในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การบริหารจัดการ ระบบการเงิน ระบบขนส่ง และการตลาด
โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ที่รัฐบาลได้วางนโยบาย เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ตามโมเดลประเทศไทย 4.0 เป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น และกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการSME ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และพร้อมปรับตัวเข้าสู่ยุค 4.0
นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ประมาณ 4 แสนราย ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน หรือมีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในสถาบันการเงิน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมมีมาตรการด้านการเงิน คือ โครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสำหรับ SMEs-คนตัวเล็ก ในวงเงิน 8,000 ล้านบาท ภายใต้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นนิติบุคคลที่มีศักยภาพ ในการเข้าช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้มีเงินทุนเพียงพอในการลงทุน ขยายกิจการ หรือใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี โดยมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลาความร่วมมือนับตั้งแต่วันที่ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ถึง 31 ธันวาคม 2561 ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
