ตลาดเศรษฐีจีนกระแสดี

25 มี.ค. 2561 | 05:44 น.
กสิกรไทยปลื้ม เศรษฐีชาวจีนแห่เป็นลูกค้าไพรเวตแบงก์กว่า 100 คน มี AUM กว่า 4 พันล้านบาท หลังรุกเปิดตลาดปีก่อน เล็งอัพเกรดฐานลูกค้าเดอะ วิสดอม ต่อยอดฐานสินทรัพย์เป็น 50 ล้านบาท ขอยกระดับโตปีละ 10% จากฐานที่มี 1.4 พันราย

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจบริการไพรเวต แบงก์ ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กลยุทธ์สำหรับลูกค้าไพรเวตแบงก์ หรือกลุ่มที่มีเงินฝากและลงทุน (AUM) 50 ล้านบาทขึ้นไปที่เป็นลูกค้าชาวจีนในปีนี้ นอกจากจะเน้นลูกค้าชาวจีนที่อยู่ในกว่า 10 ล้านคน หรือลูกค้าใหม่ New to KBANK แล้ว ยังเน้นยกระดับฐานลูกค้าชาวจีนเดิมที่ใช้บริการ The Wisdom หรือผู้ที่มี AUM ที่ 10 ล้านบาท ซึ่งมีประมาณ 1,400 คน จากฐานลูกค้าเดอะ วิสดอมทั้งหมด 1.6 แสนราย ให้เข้ามาเป็นลูกค้าไพรเวตแบงก์ เนื่องจากลูกค้าชาวจีนส่วนใหญ่ที่มีสินทรัพย์จำนวนมาก แต่อาจจะกระจายไว้ในหลายธนาคาร

[caption id="attachment_270639" align="aligncenter" width="336"] จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์[/caption]

ดังนั้น ธนาคารจะมุ่งเน้นฐานลูกค้าชาวจีนเหล่านี้ให้มาเป็นลูกค้าไพรเวตแบงก์ของธนาคารกสิกรไทย โดยตั้งเป้ายกระดับลูกค้าเดอะ วิสดอม มาเป็นลูกค้าไพรเวตแบงก์อย่างน้อยปีละ 10% หรือประมาณ 100-140 คนต่อปี หลังจากธนาคารได้เริ่มให้บริการเมื่อปีก่อน

ขณะเดียวกัน ลูกค้าชาวจีนที่เป็นไพรเวตแบงก์ ถือว่าได้ผลตอบรับค่อนข้างดี โดยมาใช้บริการเพิ่มจาก 50 คนเพิ่มเป็น 100 คน มีสินทรัพย์ AUM 4,000 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 200 ราย มีAUM ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท และการใช้บริการอย่างสมํ่าเสมอ (Active) มีสัญญาณเพิ่มขึ้น จากที่เน้นฝากเงินอย่างเดียว แต่เริ่มสนใจผลิตภัณฑ์การลงทุน และวางแผนทางการเงินมากขึ้น คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอด active ต้องเพิ่มเป็น 100% ทั้ง 100 คน จากเฉลี่ยที่ประมาณ 30% เท่านั้น

สำหรับแนวโน้มธุรกิจไพรเวตแบงก์ปีนี้ ธนาคารยังคงตั้งเป้าการเติบโตในแง่ขยายฐานลูกค้าใหม่ และจำนวน AUM เฉลี่ยเติบโตปีละ 15% จากฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.05 หมื่นราย มีสินทรัพย์ AUM อยู่ที่ 7.5 แสนล้านบาท โดยกลยุทธ์หลักยังเน้นเรื่องความเป็นสากลผ่านพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก และมีบริการที่ครบถ้วนและครบวงจร ไม่เน้นเพียงแค่บริการแนะนำการลงทุน แต่ยังรวมไปถึงการเก็บออม และวางแผนการส่งต่อให้ครอบครัวด้วย เนื่องจากจะเห็นว่าสัดส่วนสินทรัพย์ AUM จากเดิมในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนเงินฝากจะมีประมาณ 70% และลงทุน 30% แต่ปัจจุบันกลับข้างกันเป็นเงินลงทุน 70% และเงินฝาก 30% และเริ่มให้ความสำคัญกับการวางแผนการส่งต่อให้ลูกหลาน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการภาษีมรดกและสิ่งปลูกสร้างทำให้ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,350 วันที่ 22 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว