ADVANC-TRUEยิ้ม ลุ้นผ่อนจ่ายค่าคลื่น900MHZได้5ปี

25 มี.ค. 2561 | 02:26 น.
จับตา ครม.เปิดช่องให้ทยอยชำระค่าคลื่นความถี่ได้ 5 ปี ส่งผลบวกหนุน ADVANC-TRUE มีกระแสเงินสดคล่องมือขึ้น โบรกเกอร์แนะนำ “ซื้อ” ADVANC กำไรเติบโตแข็งแกร่งเล็งเป้าราคา 220 บาท ส่วนหุ้น TRUE แนะนำถือลงทุนราคาเหมาะสม 7.40 บาท

จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล และผู้ประกอบการเครือข่ายโทรคมนาคม 3 ข้อ ได้แก่

1. พักชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอล เป็นเวลา 3 ปีโดยให้ผู้ประกอบการที่ยื่นขอพักชำระจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด 2. ลดค่าเช่าโครงข่าย (ค่ามัค) ลง 50% เป็นเวลา 2 ปี

3. กำหนดระยะเวลาการจ่ายค่าประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ให้ผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) แบ่งจ่ายเป็นระยะเวลา 5 ปี ปีละประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ โดยให้จ่ายอัตราดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด appmp24-3160-a

ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันอังคารที่ 27 มีนาคมนี้โดยคาดว่าจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญประกาศใช้มาตร-การช่วยเหลือภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้

มาตรการดังกล่าวส่งผลดีต่อ ADVANC และ TRUE ที่จะมีกระแสเงินสดสภาพคล่องมากขึ้น บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟินันเซียไซรัสฯ และบล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ฯ ต่างแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC ให้ราคาที่เหมาะสม 220 บาท ผลการดำเนินงานในปี 2560 ออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ คาดว่ารายได้จะเร่งตัวขึ้นในปี 2561 กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

บาร์ไลน์ฐาน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีหุ้นที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ 33,368 ล้านหุ้น ในปี 2560 จ่ายเงินปันผล 0.03 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 1,001 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด 6,661 ล้านหุ้น 2. CHINA MOBILE INTERNATIONAL HOLDINGS LIMITED. จำนวน 4,495 ล้านหุ้น 3.UBS AG HONG KONG BRANCH 2,999 ล้านหุ้น 4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 2,083 ล้านหุ้น และ 5.CHINA MOBILE INTERNATIONAL HOLDINGS LIMITED. 1,510 ล้านหุ้น

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) มีหุ้นที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ 2,973 ล้านหุ้น ในปี 2559 จ่ายปันผล 10.10 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 30,651 ล้านบาท ปี 2560 จ่ายปันผล 7.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 21,108 ล้านบาท รวม 2 ปี เอไอเอสจ่ายปันผล 51,759 ล้านบาท

สำหรับผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ปะกอบด้วย 1. บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,202 ล้านหุ้น 2.SINGTEL STRATEGIC INVESTMENTS PTE LTD. 693 ล้านหุ้น 3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 163 ล้านหุ้น 4.SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED. 106 ล้านหุ้น และ 5. สำนักงานประกันสังคม 78 ล้านหุ้น

บล.ฟินันเซียไซรัสฯมองว่า ADVANC ยังดูน่าสนใจที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เนื่องจากมีคลื่นความถี่ที่พร้อมและแข่งขันได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการประมูลคลื่นความถี่ในปีนี้

ขณะที่บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งฯ มองว่าแนวทางการดำเนินงานในปี 2561 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 7% การแข่งขันที่คลี่คลายลงช่วยให้กระแสเงินสดมีแนวโน้มดีขึ้น ปัจจัยหนุนระยะสั้นที่สำคัญคือการอนุมัติขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าใบอนุญาต 900 MHZ และการประกาศกำหนดระยะเวลาการประมูล

บล.เคจีไอฯระบุว่ามีปัจจัยบวกในระยะสั้นต่อหุ้น ADVANC และ TRUE จากการเปิดประมูลคลื่นใหม่มีแนวโน้มล่าช้าจากกำหนดเดิม ซึ่งจะทำให้การลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับคลื่นใหม่สามารถเลื่อนออกไปได้

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-1 บล.เคจีไอฯ แนะนำ “ถือ” หุ้น TRUE ให้ราคาที่เหมาะสม 7.40 บาท เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากธุรกิจหลักในปี 2561-2562 และจากราคาหุ้นที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับราคาตลาดเหลือ upside ไม่มาก

ขณะที่หุ้นของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC นั้นทางฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิปฯคาดว่าการเปิดประมูลคลื่น 1800 MHZ และ 900 MHZ ในรอบใหม่นี้จะไม่ทันตามกรอบเวลาเดิมคือเดือนพฤษภาคม 2561 แต่มีโอกาสที่ปิดทันก่อนหมดอายุสัมปทานในเดือนกันยายน 2561 ซึ่ง DTAC ต้องการความชัดเจนของการประมูลรอบนี้สูง

บล.ฟิลลิปฯเชื่อว่าหลักเกณฑ์ประมูลและการแข่งขันด้านราคาของใบอนุญาตครั้งนี้จะสมเหตุสมผลมากขึ้น เนื่องจาก TRUE และ ADVANC ต่างมีคลื่นเพียงพอ และมีภาระค่าคลื่น 900 MHZ และ 1800 MHZ จากการประมูลรอบก่อนอยู่ ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่า DTAC จะไม่ชิงส่วนแบ่งการตลาดอย่างดุเดือด เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่คุ้มค่า แต่จะเน้นรักษาและเพิ่มฐานลูกค้าที่มีคุณภาพมากกว่า และเริ่มหันมาเล่นตลาด Niche เช่น LINE Mobile พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและบริหารองค์กร เพื่อการเติบโตของกำไรที่มั่นคง ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 58.00 บาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,350 วันที่ 22 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว