ตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 2 เปอร์เซ็นต์

21 มี.ค. 2561 | 02:23 น.
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่ 21 มีนาคม 2561

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดิอาระเบียได้กล่าวว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ทำกับชาติมหาอำนาจในปี 2558 เป็นข้อตกลงที่มีข้อบกพร่อง ในการประชุมระหว่างเจ้าชาย Bin Salman กับโดนัลด์ทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดคาดการว่าจะมีการออกมาตราการคว่ำบาตรครั้งใหม่

+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานปริมาณการผลิตของประเทศเวเนซุเอลาได้ลดกว่าครึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบสองปีที่ระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวันและมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังประเทศเวเนซุเอลาเผชิญกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและความไม่สงบในประเทศ

- กำลังการผลิตของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่ปรับสูงขึ้น นำโดยสหรัฐฯ แคนาดา และบราซิล โดยล่าสุดกำลังการผลิตของสหรัฐปรับสูงขึ้นกว่าร้อยละ 20 จากกลางปี 2559 มาแตะระดับที่ 10.38 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ ภายหลังจากตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล หลังอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย หลังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกของเอเซียเหนือที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อจากอินโดนีเซียที่นำเข้าในระดับสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับสูงและอุปทานที่ปรับลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น โดยเฉพาะในอินเดีย ส่งผลให้อินเดียต้องเพิ่มการนำเข้าเพื่อรองรับอุปสงค์ในประเทศ

oil021 ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 65-70  เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ในปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับเฉลี่ยที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะขยายตัวสู่ระดับ 11.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก

จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย หลังเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ส่งผลกระทบให้ลิเบียต้องประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) และหยุดดำเนินการผลิตจากแหล่งน้ำมันดิบ El Feel ซึ่งมีกำลังการผลิตราว 70,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าลิเบียจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในการเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 61 ก็ตาม

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์ ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว