มาสด้าปลื้มยอดกว่า 4 หมื่นคันส่งออกรถลุยรถใหม่กินแชร์เอสยูวี 16%

21 ม.ค. 2559 | 02:00 น.
มาสด้าสุดปลื้มแชมป์เติบโตสูงสุด 15% โกยกว่า 4 หมื่นคัน ครองอันดับ 3 ของตลาดรถเก๋ง ได้ใจเตรียมส่งรถใหม่อีก 7 รุ่น ตั้งเป้าเพิ่มอีก 10% ชี้เอสยูวีกระแสแรง วางแผนครองตลาดชิงแชร์ 16%

[caption id="attachment_27395" align="aligncenter" width="500"] ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ[/caption]

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของมาสด้า จากยอดจำหน่ายรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 797,000 คันโดยประมาณ เป็นยอดขายรถยนต์มาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 39,471 คัน ซึ่งมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุดถึง 15%

เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 34,326 คัน และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย คือ 5% โดยแบ่งออกเป็น มาสด้า 2 ใหม่ จำนวน 19,091 คัน เพิ่มขึ้น 181% ส่วนแบ่งการตลาด 8.9% ปิกอัพ บีที 50 โปร ใหม่ จำนวน 8,054 คัน ลดลง 38% ส่วนแบ่งการตลาด 2.5% มาสด้า 3 ใหม่ จำนวน 7,143 คัน ลดลง 20%

ส่วนแบ่งการตลาด 17.3% มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 3,832 คัน ลดลง 32% ส่วนแบ่งการตลาด 3.1% มาสด้า ซีเอ็กซ์- 3 ใหม่ จำนวน 1,321 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.1% มาสด้า เอ็มเอ็กซ์- 5 จำนวน 28 คัน มาสด้า ซีเอ็กซ์- 9 จำนวน 2 คัน

"สำหรับตลาดรถยนต์ไทยในปี 2559 นั้น ในช่วงไตรมาสแรกยังคงได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่กำลังฟื้นตัว โดยจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง และจะเห็นแววความสดใสชัดเจนขึ้นในตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 โดยจะเป็นการเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากปีที่ผ่านมาแม้ว่ากำลังซื้อจะมีน้อยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากยอดขายของปีที่ผ่านมา มาสด้ายังสามารถเดินหน้าได้ตามแผนงานอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตามมาสด้ายังคงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะมียอดขายทะลุถึง 8 แสนคัน อันเนื่องมาจากกำลังซื้อยังมีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์เอสยูวี ซึ่งมาสด้าได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วจากยอดการขายรถเก๋งที่สามารถก้าวขึ้นมาครองอันดับ 3 ของตลาด ในขณะที่ปีนี้มาสด้ามองว่าเซ็กเมนต์ของรถอเนกประสงค์เอสยูวีจะเป็นอีกรุ่นที่สอดแทรกเข้ามา โดยเฉพาะมาสด้ามั่นใจว่าจะสามารถครองก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์นี้ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 16 % "

ในส่วนของสายการผลิตนั้น ในปีที่ผ่านมา มาสด้าสามารถผลิตได้ตามเป้าทั้งการขยายสายการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งขายทั้งภายในไทยและต่างประเทศ มีการเริ่มเปิดสายการผลิตทั้งเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัติ ณ โรงงานแห่งใหม่ มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ได้อย่างราบรื่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นของมาสด้าที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของมาสด้าทั่วโลก

นอกเหนือจากที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับมีการลงทุนในประเทศจีน และเม็กซิโก เพื่อขยายธุรกิจ และตอบรับกับยอดขายที่มาสด้าที่คาดว่าจะโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 4.4 หมื่นคัน และตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 5.5% ซึ่งจะเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา สำหรับยอดรวมของตลาดรถยนต์ของไทยในปีนี้คาดว่าจะจบที่ 8 แสนคัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ มาสด้าเตรียมเปิดตัวและเผยโฉมใหม่มากถึง 7 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ในปีนี้มาสด้าได้วางแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยจะพุ่งเป้าไปที่ลูกค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น มีประสบการณ์ที่ดี มุ่งเน้นการเอาใจใส่ดูแล สร้างความพึงพอใจ เพื่อให้เกิดความจงรักภักดี และก่อให้เกิดเป็นภาวะลูกค้าเก่าเป็นผู้สร้างลูกค้าใหม่ในที่สุด ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากความประทับใจที่เกิดขึ้นจริง

"ในส่วนของงานบริการหลังการขายนั้น มาสด้าได้เปิดโครงการศูนย์กลางอะไหล่ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน พร้อมพัฒนาบริการหลังการขายที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ มีมาตรฐานที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแผนเพิ่มยอดขายในปีนี้นั้น จากการสังเกตในปีที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ จึงมีการปรับกลยุทธ์ให้มีความชัดเจน และเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของแต่ละพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของกระบวนการทำงาน ในด้านของผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าซึ่งเป็นเสมือนประตูใหญ่ของแบรนด์ทั่วประเทศ มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบ ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างยอดขาย และให้ทุกโชว์รูมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่ง พร้อมพัฒนาภาพลักษณ์โชว์รูมใหม่ ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความทันสมัย และการเป็นพรีเมียมแบรนด์ ตอบรับกับการที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,124 วันที่ 21 - 23 มกราคม พ.ศ. 2559