หุ้นความงามมีอนาคต! โบรกฯ มอง BEAUTY เนื้อหอม เป้าราคามีช่องทำกำไร

12 เม.ย. 2561 | 00:44 น.
อนาคตธุรกิจเครื่องสำอางแนวโน้มสดใส บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งฯ มองแนวโน้ม 3 ปี ตลาดยังดี หลายรายเข้าร่วมชิงส่วนแบ่งตลาด หุ้น BEAUTY เนื้อหอม นักวิเคราะห์แนะนำ ‘ซื้อ’ ให้ราคาเป้าหมาย 21-25 บาท

ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจความงามในเอเชีย โดยมีมูลค่าตลาดถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (จากบทวิเคราะห์อุตสาหกรรมของธนาคารกสิกรไทย)
และการขยายตัวของตลาดสูงมาก ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำยันปลายน้ำ ได้แก่ ธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง ธุรกิจนำเข้า จำหน่าย และค้าปลีกเครื่องสำอาง


mp17-3349-1

แนวโน้มของตลาดเครื่องสำอาง (Cosmetic) ยังมาแรง หลายรายประกาศเข้ามาในตลาดนี้ อย่าง นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ซีอีโอเถ้าแก่น้อย บริษัท ฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (บมจ.), ค่าย บมจ.มาลีกรุ๊ป (Malee) ที่จับมือกับ บริษัท PT Kino Indonesia (KINO) เมื่อไตรมาส 4/2560 ตั้งบริษัท มาลี คีโน่ ประเทศไทย จำกัด (MKT) โดย MALEE ถือหุ้น 51% เพื่อนำเข้าสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางมาจำหน่ายในไทย, บมจ.เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น (MPG) ‘แมงป่อง’ ที่รุกธุรกิจตลาดเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์ ‘Clouda’ และปีนี้ตั้งเป้ายอดรายได้เพิ่มเป็น 30% ของยอดขายรวมของบริษัท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ฯ กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธุรกิจกลุ่มคอสเมติกยังไปได้อย่างต่อเนื่อง เหมือนเป็นสินค้าจำเป็น และหลายค่ายหันไปขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น อาทิ BEAUTY (บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้) นำร่องขยายสาขาไปในหลายประเทศ, DDD (บมจ.ดู เดย์ ดรีม) รุกในตลาดจีน ล่าสุด ขยายช่องจำหน่ายสินค้าผ่านจูไห่ ดิวตี้ฟรี

แนวโน้มระยะสั้น 3 ปีนี้ เชื่อว่า ตลาดยังไปต่อได้ และไม่แปลกใจที่หลายธุรกิจต่างแตกไลน์มาทำธุรกิจความสวยความงามกันมาก เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ใช้ต้นทุนไม่สูง ส่วนใหญ่จะทำในรูปแบบ OEM (รับจ้างการผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้า) ผลิตภัณฑ์ไม่มีความแตกต่างกัน การแข่งขันอยู่ที่ช่องการทำตลาด (Maketing) และการสร้างแบรนด์อย่างไรให้ลูกค้าเชื่อถือ ถือเป็นความท้าทายของผู้เล่นรายใหม่ จะฉีกตลาดอย่างไร

“RS (บมจ.อาร์เอส) สามารถใช้จุดแข็งด้านมาร์เก็ตติ้ง โดยใช้ดาราในสังกัดมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พลิกธุรกิจจนกลายเป็นรายได้หลักแทนธุรกิจเดิม มีรายได้รวมปี 2560 ที่ 3,500 ล้านบาท ปี 2561 ตลาดคาดว่าจะเพิ่มเป็น 5,500 ล้านบาท และปี 2562 คาดจะเติบโตถึง 7,000 ล้านบาท ขณะที่ BEAUTY ในปี 2560 มีรายได้ 3,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 45.98% แนวโน้ม 3 ปีนี้ อย่างไรก็ยังโตต่อเนื่อง”


แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ

ด้าน นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง อาจไปได้แค่ระยะสั้น จากการที่ผู้ประกอบการต่างก็กระโดดเข้ามาเบียดตลาดกันเอง และมีโอกาสที่อุตสาหกรรมนี้จะเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว

“ROA (Return on Asset) หุ้นความสวยความงามถือว่าสูงมาก อย่าง RS โดดเข้ามาธุรกิจนี้ จนสามารถพลิกทำกำไรแทนที่ธุรกิจหลักที่เป็นเทปเพลง, สำหรับ BEAUTY ปีนี้และปีหน้า ยังมีโอกาสเติบโตไม่น้อยกว่า 30% ขณะที่ DDD ผู้ผลิตแบรนด์ Snail White ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมือกหอยทาก แม้จะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำตามกันได้”

การซื้อขายหุ้น BEAUTY ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 19-22 บาท มูลค่าการซื้อขายอยู่ในระดับ 500-1,000 ล้านบาทต่อวัน

บล.กสิกรไทยฯ แนะนำซื้อ BEAUTY ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 23.30 บาท จาก 22.30 บาท, บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ และ บล.ทิสโก้ฯ แนะนำซื้อ BEAUTY ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท, บล.ฟิลลิปฯ แนะนำซื้อ BEAUTY ราคาเป้าหมาย 24.60 บาท, บล.กรุงศรีฯ แนะนำซื้อ BEAUTY ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท, บล.เคทีบี (ประเทศไทย)ฯ แนะนำซื้อสะสม DDD ราคาเป้าหมาย 125 บาท และ บล.เมย์แบงก์กิมเองฯ แนะนำซื้อ DDD ราคาเป้าหมาย 131 บาท


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18-21 มี.ค. 2561 หน้า 17


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว