ไอเอสถล่มอินโดฯ กระเทือนทั้งภูมิภาค l โอฬาร สุขเกษม

18 ม.ค. 2559 | 10:22 น.
กลุ่มไอเอสหรือขบวนการรัฐอิสลามเปิดฉากถล่มนอกพื้นที่ตะวันออกกลาง ทั้งออสเตรเลียและภาคพื้นยุโรป และล่าสุดเปิดเกมส์รุกที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเช้าวันที่ 14 มกราคม 2559  ระเบิดฆ่าตัวตายกลางเมืองหลวงจาการ์ต้าใกล้ๆ กับทำเนียบประธานาธิบดี บริเวณร้านกาแฟสตาร์บัคส์ สิ่งที่พวกเขาทำแม้จะทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเมืองต่างประเทศเพียง 2 ราย (ที่เหลือเข้าใจว่าเป็นพวกเขาเอง 5 ราย)  แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เขย่าขวัญประเทศอินโดนีเซียได้อย่างน่ากลัว เพราะขึ้นชื่อว่า “ไอเอส”แล้วโหดร้ายเป็นที่สุด เหี้ยมเกรียมอย่างที่สุด ปราศจากเหตุผลที่คนทั่วไปจะยอมรับได้ ซึ่งไอเอสก็ประกาศยอมรับแล้วว่าเป็นผลงานของกลุ่มตน

เหตุเกิดตอนช่วงเช้าวันที่ 14 มกราคม 2559  ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี ใกล้สำนักงานองค์การสหประชาชาติ สถานทูต ห้างสรรพสินค้า และสถานีตำรวจในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มีเสียงระเบิดและมีเสียงปืนดังตามมาบนถนน เอ็ม.เอช. ธัมริน ใกล้ห้างซารีนาห์ (Sarinah) และเจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียเข้าควบคุมสถานการณ์โดยมีการยิงต่อสู้กันด้วย หลังเกิดเหตุทราบว่ามีคนใช้ระเบิดฆ่าตัวตาย เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 คน เป็นชาวอินโดนีเซีย 5 คนซึ่งเชื่อว่าเป็นฝ่ายก่อเหตุครั้งนี้และชาวต่างชาติอีก 2 คน

ด้านความมั่นคงของอินโดนีเซียระบุว่า ผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุครั้งนี้คือ นายบาห์รุน นาอิม วัย 32 ปี อดีตผู้สื่อข่าวอิสระด้านการศาสนาและเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ต เขาถูกจับตาเป็นพิเศษเนื่องจากปี 2553 ได้เข้าร่วมกับกลุ่มมูจาฮิดีนอินโดนีเซียตะวันออก และทราบว่าไปสวามิภักดิ์กับกลุ่มไอเอสแล้ว และคงอยู่ในเขตอิทธิพลของกลุ่มไอเอส ในประเทศซีเรีย

ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาทางการอินโดนีเซียดูแลความมั่นคงอย่างเข้มข้น ใช้เจ้าหน้าที่ระวังเหตุและดูแลมากถึง 150,000 คน  เพราะก่อนหน้านี้ คือ วันที่ 22 ธันวาคม 2558 นายจอร์จ แบรนดิส อธิบดีกรมอัยการแห่งออสเตรเลีย ได้ออกประกาศเตือนไปยังภูมิภาคใกล้เคียง ว่ากลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย หรือกลุ่มไอเอสที่เคลื่อนไหวอยู่ในอิรักและซีเรีย กำลังวางแผน จะจัดตั้ง ‘รัฐคอลิฟะห์’ ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก ซึ่งอาจจะเป็นไปโดยตรง หรือโดยอาศัยตัวแทนก็ได้ อธิบดีกรมอัยการออสเตรเลียยังเตือนด้วยว่า ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เป็นประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็นเป้าโจมตีในการก่อการร้าย โดยเฉพาะการโจมตีจากกลุ่มไอเอส

ย้อนหลังกลับไปช่วงปลายเดือนกันยายน 2558 ซิดนีย์ โจนส์ ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้ง (ไอพีเอซี) เคยพูดว่า แม้โดยรวมแล้วศักยภาพของพวกหัวรุนแรงในอินโดนีเซียจะค่อนข้างต่ำ แต่คำสัญญาของพวกเขาต่อกลุ่มไอเอสทำให้พวกเขาอาจเป็นอันตรายได้ และยังมีรายงานจากการสังเกตบนโลกออนไลน์และติดตามจากคำสัมภาษณ์ไอพีเอซีเชื่อว่า กลุ่มไอเอสได้มีการจัดตั้งหน่วยรบอินโดนีเซียและมาเลเซียแล้ว ด้วยมีเป้าหมายท้ายที่สุดคือจัดตั้งกลุ่มรัฐอิสลามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจาก 2 ประเทศนี้แล้วฟิลิปปินส์ก็มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสด้วย โดยสื่อต่างประเทศได้ออกข่าวเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2559 ก่อนเกิดเหตุที่อินโดนีเซียเพียงวันเดียว อ้างว่ากลุ่มก่อการร้าย 4 กลุ่มในฟิลิปปินส์ได้สวามิภักดิ์ต่อกลุ่มไอเอสแล้ว โดยมีฐานอยู่ที่เกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ และการจัดตั้งรัฐใหม่ของไอซิสในฟิลิปปินส์ถือเป็นภัยอันตรายกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย  เนื่องจากเป็นไปได้สำหรับประเทศเหล่านี้ในอนาคตอันใกล้ อาจมีการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่มาจาก “รัฐ” ใหม่แห่งนี้

สรุปแล้วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนมี 3 ประเทศที่ต้องระมัดระวังพิเศษกรณีเกี่ยวกับกลุ่มไอเอส คือ อินโดนีเซีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งเหตุระเบิดที่กรุงจาการ์ต้า เมืองหลวงประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2559 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการโต้กลับของกลุ่มไอเอสเป็นครั้งแรกในภูมิภาคนี้ เพราะก่อนหน้ามีแต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของ 3 ประเทศจับกุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการกับกลุ่มไอเอสที่ประเทศอิรักและประเทศซีเรีย และกลุ่มไอเอสอินโดนีเซียได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาพร้อมที่จะยอมตายเพื่ออุดมการณ์ของกลุ่มรัฐอิสลาม แต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเขาเอง และสร้างปัญหาด้านความมั่นคงให้แก่สมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศด้วย

Photo Credit: http://edition.cnn.com/2016/01/14/asia/jakarta-gunfire-explosions/