“ไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น” 4 ฉลากดีไซน์พิเศษ ย้อนตำนานบอกเล่าเรื่องราว 4 ยุค
“ไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น” 4 ฉลากดีไซน์พิเศษที่พร้อมสร้างประสบการณ์ ย้อนตำนานบอกเล่าเรื่องราว 4 ยุค ตอกย้ำความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของแบรนด์ระดับโลก
– 15 มี.ค. 61 – ไฮเนเก้น แบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ Open Your World เปิดตัวฉลาก “ไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น” กับ 4 ดีไซน์สุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการนำเอาฉลากจากทั้ง 4 ยุคแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์ไฮเนเก้น ได้แก่ ฉลากปีค.ศ. 1873, 1889, 1950 และ 1953 ให้สาวกไฮเนเก้นได้ร่วมย้อนตำนานที่ยิ่งใหญ่พร้อมสัมผัสและรู้จักเรื่องราวเบื้องหลังสัญลักษณ์ดาวแดงที่ทั่วโลกคุ้นเคย แม้ว่าฉลากจะถูกเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุคแต่ละสมัย แต่สิ่งที่ทำให้ไฮเนเก้นเป็นแบรนด์เครื่องดื่มพรีเมียมสำหรับคนในทุกยุคทุกสมัยมากว่า 145 ปีแห่งความสำเร็จนั่นคือการที่แบรนด์ไฮเนเก้นคงคุณภาพมาตรฐานการผลิตผนวกกับการคัดสรรส่วนผสมที่มีคุณภาพและความเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในปี 1873 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ฉลาก “ไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น” ทั้ง 4 แบบ พร้อมย้อนตำนานให้สาวกไฮเนเก้นได้ร่วมสะสมและรู้จักเรื่องราวในแต่ละยุค ตั้งแต่จุดกำเนิดตลอดจนเส้นทางความสำเร็จของแบรนด์ไฮเนเก้นในทุกช่วงเวลา รวมถึงรสชาติและคุณภาพของแบรนด์ไฮเนเก้นที่เหนือกาลเวลามาถึงปัจจุบัน พร้อมพบกับความพิเศษนี้ได้แล้ววันนี้ ทุกภูมิภาคทั่วไทย
ร่วมติดตามกิจกรรมสนุกๆ จากทางไฮเนเก้นเพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/Heineken และ instagram @heineken_th
รายละเอียดของฉลากไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น แต่ละยุค
ฉลากปี 1873 (AMSTERDAM START-UP) นับเป็นจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์ไฮเนเก้น โดย มร.เจอร์ราด อาเดรียน ไฮเนเก้น ผู้ก่อตั้งแบรนด์ไฮเนเก้นที่มีความหลงใหลในการผลิตเบียร์ และตัดสินใจอย่างกล้าหาญในการเข้าซื้อกิจการโรงเบียร์ใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยตลอดระยะเวลา 9 ปีแห่งความเพียรพยายามในการคิดค้นและทดลองสูตรการผลิตเบียร์ จนได้ถือกำเนิด “Heineken® A-Yeast” ขึ้นครั้งแรก ซึ่งเป็นยีสต์ชนิดพิเศษเฉพาะของไฮเนเก้น ที่มีคุณภาพชั้นเลิศในการหมักบ่มเบียร์ทำให้รสชาติเบียร์มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวรวมถึงคงคุณภาพของเบียร์พรีเมียมตั้งแต่วันแรกที่ค้นพบจนถึงปัจจุบัน
ฉลากปี 1889 (GRAND PRIX PARIS) ดวงดาวการันตีเกียรติยศแห่งคุณภาพ ทั้งส่วนผสมคุณภาพพรีเมียมและรสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้ไฮเนเก้นได้รับรางวัลมากมายโดยเริ่มจากได้รับรางวัลในถิ่นกำเนิดของแบรนด์ ก่อนที่จะขยายความสำเร็จไปยังนอกประเทศ จนได้รับรางวัลชนะเลิศ Diplomat Grand Prix Paris ในงาน World’s Fair ประเทศฝรั่งเศส ทำให้เบียร์ไฮเนเก้นกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ฉลากปี 1950 (CROSSING BORDERS) เมื่อไฮเนเก้นได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ไฮเนเก้นจึงเริ่มจัดส่งสินค้าไปยังทวีปต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้แบรนด์ไฮเนเก้นถูกแพร่หลายไปทั่วโลก แม้ว่าช่วงระยะแรกจะเกิดอุปสรรคในการขนส่งสินค้าบ้าง แต่ไฮเนเก้นในฐานะเบียร์พรีเมียมระดับโลก ยังคงรักษามาตรฐานและรสชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อพิสูจน์ให้ผู้บริโภคที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกใน 192 ประเทศ มั่นใจได้ว่าทุกขวดของไฮเนเก้นอัดแน่นด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกเสมอ
ฉลากปี 1953 (ICONS OF THE MAKING) นับเป็นการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของสัญลักษณ์ดาวแดง หรือที่เรียกกันว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ไฮเนเก้น ซึ่งการันตีทั้งคุณภาพและความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้เบียร์คุณภาพพรีเมียมระดับโลกที่รักษาระดับมาตรฐานและรสชาติ ให้มีความคงที่อย่างต่อเนื่องสมกับการเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับการยอมรับโดยคนจากทั่วโลกในทุกยุคสมัยมาจนถึงปัจจุบัน
– 15 มี.ค. 61 – ไฮเนเก้น แบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ Open Your World เปิดตัวฉลาก “ไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น” กับ 4 ดีไซน์สุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการนำเอาฉลากจากทั้ง 4 ยุคแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์ไฮเนเก้น ได้แก่ ฉลากปีค.ศ. 1873, 1889, 1950 และ 1953 ให้สาวกไฮเนเก้นได้ร่วมย้อนตำนานที่ยิ่งใหญ่พร้อมสัมผัสและรู้จักเรื่องราวเบื้องหลังสัญลักษณ์ดาวแดงที่ทั่วโลกคุ้นเคย แม้ว่าฉลากจะถูกเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุคแต่ละสมัย แต่สิ่งที่ทำให้ไฮเนเก้นเป็นแบรนด์เครื่องดื่มพรีเมียมสำหรับคนในทุกยุคทุกสมัยมากว่า 145 ปีแห่งความสำเร็จนั่นคือการที่แบรนด์ไฮเนเก้นคงคุณภาพมาตรฐานการผลิตผนวกกับการคัดสรรส่วนผสมที่มีคุณภาพและความเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในปี 1873 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ฉลาก “ไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น” ทั้ง 4 แบบ พร้อมย้อนตำนานให้สาวกไฮเนเก้นได้ร่วมสะสมและรู้จักเรื่องราวในแต่ละยุค ตั้งแต่จุดกำเนิดตลอดจนเส้นทางความสำเร็จของแบรนด์ไฮเนเก้นในทุกช่วงเวลา รวมถึงรสชาติและคุณภาพของแบรนด์ไฮเนเก้นที่เหนือกาลเวลามาถึงปัจจุบัน พร้อมพบกับความพิเศษนี้ได้แล้ววันนี้ ทุกภูมิภาคทั่วไทย
ร่วมติดตามกิจกรรมสนุกๆ จากทางไฮเนเก้นเพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/Heineken และ instagram @heineken_th
รายละเอียดของฉลากไฮเนเก้น ลิมิเต็ด เอดิชั่น แต่ละยุค
ฉลากปี 1873 (AMSTERDAM START-UP) นับเป็นจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์ไฮเนเก้น โดย มร.เจอร์ราด อาเดรียน ไฮเนเก้น ผู้ก่อตั้งแบรนด์ไฮเนเก้นที่มีความหลงใหลในการผลิตเบียร์ และตัดสินใจอย่างกล้าหาญในการเข้าซื้อกิจการโรงเบียร์ใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยตลอดระยะเวลา 9 ปีแห่งความเพียรพยายามในการคิดค้นและทดลองสูตรการผลิตเบียร์ จนได้ถือกำเนิด “Heineken® A-Yeast” ขึ้นครั้งแรก ซึ่งเป็นยีสต์ชนิดพิเศษเฉพาะของไฮเนเก้น ที่มีคุณภาพชั้นเลิศในการหมักบ่มเบียร์ทำให้รสชาติเบียร์มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวรวมถึงคงคุณภาพของเบียร์พรีเมียมตั้งแต่วันแรกที่ค้นพบจนถึงปัจจุบัน
ฉลากปี 1889 (GRAND PRIX PARIS) ดวงดาวการันตีเกียรติยศแห่งคุณภาพ ทั้งส่วนผสมคุณภาพพรีเมียมและรสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้ไฮเนเก้นได้รับรางวัลมากมายโดยเริ่มจากได้รับรางวัลในถิ่นกำเนิดของแบรนด์ ก่อนที่จะขยายความสำเร็จไปยังนอกประเทศ จนได้รับรางวัลชนะเลิศ Diplomat Grand Prix Paris ในงาน World’s Fair ประเทศฝรั่งเศส ทำให้เบียร์ไฮเนเก้นกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ฉลากปี 1950 (CROSSING BORDERS) เมื่อไฮเนเก้นได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ไฮเนเก้นจึงเริ่มจัดส่งสินค้าไปยังทวีปต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้แบรนด์ไฮเนเก้นถูกแพร่หลายไปทั่วโลก แม้ว่าช่วงระยะแรกจะเกิดอุปสรรคในการขนส่งสินค้าบ้าง แต่ไฮเนเก้นในฐานะเบียร์พรีเมียมระดับโลก ยังคงรักษามาตรฐานและรสชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อพิสูจน์ให้ผู้บริโภคที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกใน 192 ประเทศ มั่นใจได้ว่าทุกขวดของไฮเนเก้นอัดแน่นด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกเสมอ
ฉลากปี 1953 (ICONS OF THE MAKING) นับเป็นการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของสัญลักษณ์ดาวแดง หรือที่เรียกกันว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ไฮเนเก้น ซึ่งการันตีทั้งคุณภาพและความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้เบียร์คุณภาพพรีเมียมระดับโลกที่รักษาระดับมาตรฐานและรสชาติ ให้มีความคงที่อย่างต่อเนื่องสมกับการเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับการยอมรับโดยคนจากทั่วโลกในทุกยุคสมัยมาจนถึงปัจจุบัน