MTLS ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่ 8 หมื่นล้านบ.
MTLS เปิดแผนธุรกิจปี 2561 ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 8 หมื่นล้านบาทเติบโต 40% จากปีก่อน คุมคุณภาพสินเชื่อ รักษาเอ็นพีแอลไม่เกิน1.5% ย้ำทำธุรกิจภายใต้กรอบกฎหมายอย่างถูกต้องและเป็นธรรมต่อลูกค้าคิดดอกเบี้ยอย่างยุติธรรม
[caption id="attachment_268574" align="aligncenter" width="335"]
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ[/caption]
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 บริษัทฯคาดว่าจะมีการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง จากยอดการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากช่วง 2 เดือน(มกราคม-กุมภาพันธ์ 2561) บริษัทฯมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่มากขึ้นกว่า 40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อใหม่ที่ 8 หมื่นล้านบาท จากฐานสิ้นปี 2560 ที่ 5.80 หมื่นล้านบาท และเพิ่มลูกหนี้คงค้างให้มาอยู่ที่ระดับ 5 หมื่นล้านบาท จาก 3.56 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทฯจะให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ระดับไม่เกิน 1.5 %
สาเหตุที่สินเชื่อใหม่เติบโตได้ดี เนื่องจากมีจำนวนสาขามากขึ้นโดยตั้งเป้าหมาย 3 ปีจากนี้จะเพิ่มสาขาปีละ 600 สาขา โดย ณสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,800 สาขาจากปัจจุบันที่มี 2,5000 ดังนั้น เมื่อจำนวนสาขาเพิ่มทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทฯเชื่อว่าไตรมาสแรกปีนี้จะมีการเติบโต เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“ที่ผ่านมา 2 เดือน ยอดการเติบโตสินเชื่อสูง 40% ตัวเลข NPLไม่เกิน 1.5% และปีนี้ก็ไม่น่าจะต้องกันสำรองอะไรมาก หลังจากกันสำรองปีที่แล้วถึง 1,171 ล้านบาท หรือ 265 %" นายชูชาติ กล่าว
กรณีที่มีความเข้าใจผิดว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่คิดดอกเบี้ยสูงเกินกำหนด และเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ขัดกับร่าง พ.ร.บ.การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินนั้น MTLS ขอยืนยันว่า เงื่อนไขสัญญากับลูกค้าของบริษัทฯ เป็นไปตามที่กรอบกฎหมายกำหนดเสมอ ลูกค้าผู้ใช้บริการพึงพอใจและบอกต่อเป็นจำนวนมาก เป็นทางเลือกเพื่อประชาชนให้เข้าถึงวงเงินกู้ในระบบที่มีความน่าเชื่อถือ และสะดวกรวดเร็วเป็นมิตรกว่าเงินกู้นอกระบบที่อัตราดอกเบี้ยแพงเกินสมควร
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล หรือ MTC นั้นเพื่อขจัดความเข้าใจผิดจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่ยังไม่รู้จักให้เข้าใจถูกต้องว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจ "สินเชื่อ" มิใช่ "เช่าซื้อ" ซึ่งกระบวนการเปลี่ยนชื่อ จะเสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้
[caption id="attachment_268574" align="aligncenter" width="335"]
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 บริษัทฯคาดว่าจะมีการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง จากยอดการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากช่วง 2 เดือน(มกราคม-กุมภาพันธ์ 2561) บริษัทฯมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่มากขึ้นกว่า 40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อใหม่ที่ 8 หมื่นล้านบาท จากฐานสิ้นปี 2560 ที่ 5.80 หมื่นล้านบาท และเพิ่มลูกหนี้คงค้างให้มาอยู่ที่ระดับ 5 หมื่นล้านบาท จาก 3.56 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทฯจะให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ระดับไม่เกิน 1.5 %
สาเหตุที่สินเชื่อใหม่เติบโตได้ดี เนื่องจากมีจำนวนสาขามากขึ้นโดยตั้งเป้าหมาย 3 ปีจากนี้จะเพิ่มสาขาปีละ 600 สาขา โดย ณสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,800 สาขาจากปัจจุบันที่มี 2,5000 ดังนั้น เมื่อจำนวนสาขาเพิ่มทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทฯเชื่อว่าไตรมาสแรกปีนี้จะมีการเติบโต เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“ที่ผ่านมา 2 เดือน ยอดการเติบโตสินเชื่อสูง 40% ตัวเลข NPLไม่เกิน 1.5% และปีนี้ก็ไม่น่าจะต้องกันสำรองอะไรมาก หลังจากกันสำรองปีที่แล้วถึง 1,171 ล้านบาท หรือ 265 %" นายชูชาติ กล่าว
กรณีที่มีความเข้าใจผิดว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่คิดดอกเบี้ยสูงเกินกำหนด และเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ขัดกับร่าง พ.ร.บ.การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินนั้น MTLS ขอยืนยันว่า เงื่อนไขสัญญากับลูกค้าของบริษัทฯ เป็นไปตามที่กรอบกฎหมายกำหนดเสมอ ลูกค้าผู้ใช้บริการพึงพอใจและบอกต่อเป็นจำนวนมาก เป็นทางเลือกเพื่อประชาชนให้เข้าถึงวงเงินกู้ในระบบที่มีความน่าเชื่อถือ และสะดวกรวดเร็วเป็นมิตรกว่าเงินกู้นอกระบบที่อัตราดอกเบี้ยแพงเกินสมควร
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล หรือ MTC นั้นเพื่อขจัดความเข้าใจผิดจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่ยังไม่รู้จักให้เข้าใจถูกต้องว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจ "สินเชื่อ" มิใช่ "เช่าซื้อ" ซึ่งกระบวนการเปลี่ยนชื่อ จะเสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้
