เร่งถก‘เที่ยวช่วยไทย’ จ่อลดเหลือ500บาทมีสิทธิ์ลุ้นชิงเงินล้าน

20 ม.ค. 2559 | 08:00 น.
ททท.เตรียมนัดถกเอกชน สรุปเงื่อนไข "เที่ยวช่วยไทย" ลุ้นเงินล้าน คาดเปิดตัวล็อตแรกปลายกพ.นี้เร่งหารือลดเงื่อนไขเหลือทุก 500 บาทร่วมลุ้นโชคได้ เพื่อหนุนวิสาหกิจชุมชน และโฮมสเตย์ท้องถิ่นได้ประโยชน์ ชี้รูปแบบมีทั้งซื้อแพ็คเกจทัวร์ และเอฟไอที ส่วนรางวัลบ้าน รถยนต์ จะแจกเป็นรายไตรมาส ด้าน "ชนินทธ์"ชี้จูงใจเที่ยวประเทศแทนบินเที่ยวนอกช่วงหยุดยาวได้ โรงแรมพัทยาแนะต้องพีอาร์ให้แรง ส่วนคลังเร่งทำคลอดมาตราการลดหย่อนภาษี

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ททท. เตรียมจะนัดหารือกับสมาคมท่องเที่ยวและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในเร็ว ๆ นี้ เพื่อสรุปเงื่อนไขการเที่ยวในประเทศเพื่อลุ้นโชคชิงเงินสดมูลค่า 1 ล้านบาททุกเดือน ซึ่งเป็นจุดเด่นของโครงการเที่ยวช่วยไทย ที่จะทยอยผลักดันให้โครงการนี้เริ่มดำเนินการได้ในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นล็อตแรกก่อน

โดยจะมีการหารือร่วมกันว่าในทุกๆ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว มูลค่าเท่าไหร่ จึงจะได้รับสิทธิลุ้นโชคเงินล้านทุกเดือน ซึ่งเบื้องต้นก่อนหน้านี้มองไว้ที่ทุก ๆ 1 พันบาท แต่ในการประชุมครั้งล่าสุด ที่ประชุมมีข้อเสนอว่าควรปรับลดลงมาเหลือการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวทุก ๆ 500 บาทจะมีสิทธิลุ้นโชค เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวขนาดเล็ก เช่นโฮมสเตย์ในชุมชนต่าง ๆได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้ด้วย

ผู้ว่าการ ททท. ยังกล่าวอีกว่า นอกจากการเที่ยวลุ้นล้านในทุกเดือน ภายใต้งบการดำเนินการของททท.เป็นหลักแล้ว ก็ยังมีการลุ้นรางวัลรองๆลงมา รวมทุกการลุ้นรางวัลใหญ่เป็นรายไตรมาส อาทิ รถยนต์ หรือบ้าน ซึ่งในส่วนก็คงต้องหาสปอนเซอร์มาร่วมดำเนินการต่อไป ส่วนรูปแบบของการท่องเที่ยวในโครงการนี้ จะมี 2 รูปแบบ คือ 1.การซื้อเป็นแพ็คเกจทัวร์ ที่จะพัฒนาขึ้นมา ราว 12-18 แพ็คเกจโดยยึดการส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 12 เมืองต้องห้ามพลัสเป็นหลัก 2. การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ที่นอกจากค่าใช้จ่ายเรื่องของที่พักแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายในหมวดใดอีกบ้าง

" โครงการนี้ถือเป็นมาตรการระยะสั้นที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ขับเคลื่อนความสุข-เที่ยวได้ทั้งปี สุขีทุกเดือน" ซึ่งนอกจาก "เที่ยวลุ้นล้าน"แล้ว ยังมีข้อเสนอให้เที่ยวได้หลายต่อ เช่น "เกิดมาเที่ยว" โดยคืนที่ตรงกับวันเกิดจะได้รับส่วนลดราคาห้องพัก 50% รับส่วนลด 50% สำหรับคืนที่สอง เป็นต้น และ "เที่ยวไม่รู้จบ" อาทิ ยิ่งเที่ยวยิ่งลด ,กิน-ลด-เที่ยว,สะสมแต้มแลกประสบการณ์เกินฝัน โดยจะมีการหารือกับสายการบินต่างๆของไทยให้สนับสนุนตั๋วเครื่องบิน 1 แสนที่นั่งต่อสายการบิน เพื่อนำมาร่วมโครงการลดแลกแจกแถมในส่วนของการลุ้นรางวัล"

นอกจากนี้จะมีโครงการสวัสดิการเพื่อการท่องเที่ยว เป็นเรื่องของการให้บัตรกำนัลท่องเที่ยว กับกลุ่มที่จะเกษียณอายุในปีนี้เดินทางเที่ยวในประเทศรวมถึงการสนับสนุนการให้อินเซ็นทีพแก่บริษัทใหญ่ๆกระตุ้นให้จัดประชุมสัมมนาในประเทศ โดยททท.สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดเลี้ยง หรือจัดกิจกรรมต่างๆ

การจัดบิ๊กอีเว้นท์ให้คนไทยเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวปีนี้ที่มีกว่า 11 ช่วง"ปลุกพลังเที่ยวไทย - เที่ยวไทย สุดมันส์วันหยุดยาว" อาทิ การจัดคอนเสิร์ตระดับสากลในไทยโดยมีฉากหลังเป็นโบราณสถาน,ถนนคนกิน เป็นต้น ซึ่งโครงการ "เที่ยวช่วยไทย" คาดหวังว่าจะกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวในประเทศ สร้างรายได้ขึ้นอีก 4 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันจะเน้นเจาะเศรษฐีจากกลุ่มประเทศ CLMV มาเที่ยวไทย เพื่อหวังสร้างรายได้เพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาทเพิ่มจากเป้าหมายการท่องเที่ยวในปีนี้ซึ่งปรับเพิ่มเป็น 2.41 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ททท.ยังได้กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศตั้งแต่ต้น ซี่งขณะนี้กำลังจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 มกราคม 2559 ณ สวนลุมพินี โดยยกแหล่งท่องเที่ยวและของดีของไทยมาไว้ในที่เดียว เพื่อหวังกระตุ้นให้เกิดการเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่จริง การจัดงานในปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 2 วันแรกของการจัดงาน มีผู้เข้าเยี่ยมชมงาน 172,933 คน เพิ่มขึ้น 0.03% มีเงินหมุนเวียนภายในงานรวม 2 วัน อยู่ที่ 86.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.4% โซนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือโซนวิถีชีวิตและวัฒนธรรม 5 ภาค 99 % จังหวัดยอดนิยมที่สนใจเดินทาง คือ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุราษฎร์ธานี เพชรบูรณ์ พังงา สตูล ภูเก็ต น่าน ชัยภูมิ และกระบี่ ตามลำดับจึงคาดว่าภาพรวมของการจัดงานในปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานตลอด 5 วันอยู่ที่มากกว่า 6 แสนคน มีเม็ดเงินสะพัดในงานราว 500 ล้านบาท เติบโต 25%

นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากโครงการต่างๆเหล่านี้แล้วททท.ก็จะขับเคลื่อนให้เกิดการกระจายตัวของพื้นที่ท่องเที่ยว ภายใต้การจัดทำ Mapping เพื่อกระตุ้นโลคัล ทัวริสซึมสร้างสีสันให้เกิดการท่องเที่ยวในแอ่งท่องเที่ยว (แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งมารวมอยู่ในโซนเดียวกัน เชื่อมโยงโอท็อป แชมเปี้ยนย่านช้อปปิ้ง) หรือเขตพัฒนาการท่องเที่ยว อาทิ "อารยธรรมล้านนา"พื้นที่คือเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา มีโอท็อป วิลเลจ แชมเปี้ยน คืออุ่นในสายหมอก สันติคิรี-บ้านยาง-แม่ปิงมีสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ อย่าง กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง สับปะรดนางแล สับปะรดภูแล ร่มบ่อสร้าง ผ้าตีนจกแม่แจ่ม ศิลาดลเชียงใหม่ ผ้าฝ้ายทอผสมขนแกะบ้านห้วยห้อม ข้าวแต๋นลำปาง ชามไก่ลำปาง ผ้าไหมยกดอกลำพูน และข้าวก่ำล้านนา ศูนย์ศิลปาชีพ คือศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ ย่านการค้า คือ ย่านการค้าดอยแม่สลอง ย่านการค้าบ้านถวาย และย่านการค้าถนนสิงหนาทบำรุง

ด้านนายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เผยการที่เอกชน เสนอให้ลดยอดค่าใจ้จ่ายในการท่องเที่ยว จาก ทุก ๆ 1 พันบาท เหลือ 500 บาท จึงจะมีสิทธิเที่ยวลุ้นล้าน เพราะต้องการเปิดโอกาสให้โครงการนี้เข้าถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่พักขนาดเล็ก อย่าง โฮมสเตย์ในชุมชนที่ไม่มีเฉพาะธุรกิจรายใหญ่เท่านั้นจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ โดยนอกจากการซื้อแพ็คเกจทัวร์เส้นทางในประเทศประมาณ 18 เส้นทางที่จะออกมาแล้ว กลุ่มเอฟไอที ที่เดินทางเที่ยวในประเทศด้วยตัวเองก็มีสิทธิ์ลุ้นโชค เมื่อจ่ายค่าที่พักในโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโรงแรมที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจส่วนค่าใช้จ่ายในการซื้อตั๋วเครื่องบินจะไม่สามารถลุ้นโชคได้ เพราะพิสูจน์ยากว่าเป็นการเดินทางท่องเที่ยว 100%เพราะอาจซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปทำธุรกิจ หรือกลับบ้าน เป็นต้น

ส่วนโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุ ก็จะเสนอเรื่องการแจกบัตรกำนัลท่องเที่ยว ให้กับข้าราชการที่เกษียณอายุภายในปีงบประมาณ 2559 ให้ไปเที่ยว ก็กำลังพิจารณาว่าจะแจกที่ 5 พันบาท 8 พันบาท หรือ 1 หมื่นบาท เพราะกลุ่มนี้ ถ้าไปเที่ยว ก็มีโอกาสที่จะใช้เงินมากกว่าคูปองที่แจก ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการพาผู้ติดตามไปด้วย และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสามารถร่วมโครงการเที่ยวไทยลุ้นล้านได้อีกด้วย ซึ่งสทน.คาดว่าโครงการเที่ยวช่วยไทย น่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% หรือ 35 ล้านคน/ครั้ง จากเป้าหมายตั้งไว้

นายชนินทธ์โทณวณิก ประธานคณะกรรมการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการเที่ยวช่วยชาติ เป็นสิ่งที่ดีมาก ที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว เพราะไม่เช่นนั้น คนไทยจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุดยาว แต่เมื่อมีการจูงใจเช่นนี้ ก็จะทำให้คนอยากเที่ยวในประเทศ ซึ่งการสรุปเรื่องของเงื่อนไขการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเพื่อร่วมลุ้นล้าน จะมีการหารือถึงข้อสรุปได้ในเร็วๆนี้

นางสาวบุณฑริก กุศลวิทย์ นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก เผยว่า โครงการนี้ทางผู้ประกอบการโรงแรมในเมืองพัทยายินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นเรื่องที่ดี ในการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ขณะนี้กำลังรอจดหมายอย่างเป็นทางการจากสมาคมฯ เพื่อให้สมาชิกตอบรับการเข้าร่วมโครงการ รวมถึงการเสนอส่วนลดพิเศษต่างๆ ทั้งราคาห้องพัก อาหารหรือบริการอื่น ๆ และเห็นว่าถ้าทำได้เร็วก็จะทำให้นักท่องเที่ยวที่เตรียมวางแผนการเดินทางล่วงหน้าในช่วงปิดเทอมนี้

" อยากให้รัฐบาลโปรโมทให้แรง เหมือนกับโครงการช้อปเพื่อชาติ เพราะถ้ามีการทำการประชาสัมพันธ์ที่ดี โครงการก็จะประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก เพราะขณะนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวขณะนี้แม้ยังดีอยู่แต่ก็ต้องดูปัจจัยต่างๆ ที่ไม่คาดคิดด้วย"

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามนโยบายที่จะผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้สำคัญในปี 2559 นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เร่งจัดทำมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวแล้ว โดยจะต้องกำหนดเป็นมาตรการจูงใจ (Incentive) ให้มีผลบังคับใช้ให้ทันไตรมาสที่ 1

อย่างไรก็ดีขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่า อาจขยายฐานการหักลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นสำหรับบุคคลธรรมดา จากเดิมกำหนดไว้ที่ 1.5 หมื่นบาท ให้เพิ่มเป็น 2 เท่า หรือมากกว่านี้ เนื่องจากที่ผ่านมากรณีที่นำไปลดหย่อนตามอัตราฐานภาษี เงินที่ได้คืนมามีมูลค่าไม่น้อย เช่น จ่ายจริง 1.5 หมื่นบาท ฐานภาษี 10% เงินที่ได้คืนมาคือ 1.5 พันบาท เบื้องต้นอาจปรับเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

"เรื่องการท่องเที่ยวหักลดหย่อนภาษีในช่วง 2 ปี ปฎิทินที่ผ่านมาถือว่ามีการใช้สิทธิน้อยมาก คิดเป็นตัวเลขไม่ถึง 1 พันล้านบาท ขณะที่มองว่าตัวเลขการขอหักลดหย่อนจะมากกว่านี้ และคาดว่ามาตรการจูงใจจะต้องออกมาให้ทันก่อนที่จะต้องช่วง Low season เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าว"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,123 วันที่ 17 - 20 มกราคม พ.ศ. 2559