กังวลสหรัฐฯเร่งผลิตน้ำมันดิบฉุดราคาลงกว่าร้อยละ 1
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 13 มีนาคม 2561
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความกังวลในเรื่องของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- แม้ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบสองเดือน อย่างไรก็ตาม จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันยังคงมีจำนวนมากกว่าปีก่อนหน้าที่ 617 แท่น
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มการคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปี 2561 มาเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ในเดือนก่อนที่ 10.59 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ EIA คาดว่าสหรัฐฯ จะผลิตน้ำมันดิบในไตรมาส 4 จะเฉลี่ยที่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรลวัน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซีย และกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก
+/- รัฐมนตรีน้ำมันอิหร่าน เปิดเผยว่า ผู้ผลิตกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะยังคงเดินหน้าในการปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ผลิตอาจตกลงที่จะยกเลิกการปรับลดปริมาณการผลิตในปี 2562 ในการประชุมในเดือน มิ.ย. นี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับลดลง หลังเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงกลั่นในภูมิภาค
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่ใช้ทำความร้อนเริ่มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากเหตุไฟไหม้ที่โรงกลั่นในภูมิภาค
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-37 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 2 มี.ค. 2560 ปรับเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 425.9 ล้านบาร์เรล
กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ในปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้นราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สู่ระดับเฉลี่ยที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และขยายตัวสู่ระดับ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Feel กำลังการผลิตอยู่ที่ 70,000 บาร์เรลต่อวัน ยังคงปิดดำเนินการ แม้ว่าแหล่งข่าวเผยว่าได้มีการเจรจาตกลงที่จะเปิดดำเนินการแหล่งน้ำมันดังกล่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara กำลังการผลิต 340,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการประท้วงเกี่ยวกับปัญหาทางด้านมลพิษ สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้ว
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความกังวลในเรื่องของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- แม้ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบสองเดือน อย่างไรก็ตาม จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันยังคงมีจำนวนมากกว่าปีก่อนหน้าที่ 617 แท่น
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มการคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปี 2561 มาเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ในเดือนก่อนที่ 10.59 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ EIA คาดว่าสหรัฐฯ จะผลิตน้ำมันดิบในไตรมาส 4 จะเฉลี่ยที่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรลวัน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซีย และกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก
+/- รัฐมนตรีน้ำมันอิหร่าน เปิดเผยว่า ผู้ผลิตกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะยังคงเดินหน้าในการปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ผลิตอาจตกลงที่จะยกเลิกการปรับลดปริมาณการผลิตในปี 2562 ในการประชุมในเดือน มิ.ย. นี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับลดลง หลังเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงกลั่นในภูมิภาค
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่ใช้ทำความร้อนเริ่มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงหนุนจากอุปทานที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากเหตุไฟไหม้ที่โรงกลั่นในภูมิภาค
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-37 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 2 มี.ค. 2560 ปรับเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 425.9 ล้านบาร์เรล
กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ในปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้นราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สู่ระดับเฉลี่ยที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และขยายตัวสู่ระดับ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ แซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Feel กำลังการผลิตอยู่ที่ 70,000 บาร์เรลต่อวัน ยังคงปิดดำเนินการ แม้ว่าแหล่งข่าวเผยว่าได้มีการเจรจาตกลงที่จะเปิดดำเนินการแหล่งน้ำมันดังกล่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara กำลังการผลิต 340,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการประท้วงเกี่ยวกับปัญหาทางด้านมลพิษ สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้ว
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
