แนะดีเวลอปเปอร์เร่งปรับตัว

13 มี.ค. 2561 | 03:49 น.
ซีบีอาร์อี-เจแอลแอล 2 บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำชี้ปี 61 ผู้ประกอบการอสังหาฯ ปรับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงรับมือราคาที่ดินแพง และการแข่งขันสูง

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทยฯ กล่าวว่า ในปี 2561 ผู้ประกอบการอสังหา ริมทรัพย์ไทยมีการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและการแข่งขัน อย่างแรกคือการร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น จาก 4 โครงการในปี 2556 เป็น 25 โครงการในปี 2560 ซึ่งการร่วมทุนส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนรายโครงการกับนักลงทุนจากญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม

[caption id="attachment_135291" align="aligncenter" width="503"] อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE[/caption]

ขณะเดียวกันดีเวลอปเปอร์มีการกระจายการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ จากที่ผ่านมามุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เช่น คอนโด มิเนียมและบ้านจัดสรรเป็นหลัก ก็ขยายออกมาทำอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือค้าปลีก เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง และยังมีผู้ประกอบการบางรายเปลี่ยนเซ็กเมนต์จากที่เคยพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในตลาดกลาง-ล่าง ก็ขยับขึ้นมาทำตลาดลักชัวรี

“จากปัจจัยบวกที่ดีขึ้นด้านเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการยังหาซื้อที่ดินเพื่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้จากการปล่อยเช่า โดยเฉพาะที่ดินในทำเลชั้นนำของกรุงเทพฯ ส่งผลราคาที่ดินย่านใจกลางธุรกิจโดยเฉพาะใกล้สถานีรถไฟฟ้าจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ราคาที่ดินบางทำเลปรับตัวสูงถึง 25-30% ต่อปี ซึ่งราคาที่ดินที่สูงเกินไปถือเป็นความเสี่ยง ทำให้การพัฒนาโครงการเป็นไปได้ยาก”

บาร์ไลน์ฐาน ด้านนายแอนดรูว์ กัลแบรนด์สัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา เจแอลแอลระบุว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เลือกใช้รับมือกับราคาที่ดินที่สูงขึ้น ได้แก่ การพัฒนาโครงการบนที่ดินสัญญาเช่าระยะยาว ต่างจากเดิมที่ต้อง การสร้างโครงการเฉพาะบนที่ดินที่สามารถซื้อมาได้ด้วยกรรมสิทธิ์ขาดเท่านั้น ราคาที่ดินที่สูงขึ้นมาก
โดยเฉพาะในทำเลชั้นดีใจกลางย่านธุรกิจ ทำให้ในหลายๆ กรณี การซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางประเภท อาทิ อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม อาจให้ผลตอบแทนได้ไม่คุ้มค่าการลงทุน ดังนั้นการเช่าที่ดินระยะยาวจึงเป็นกลยุทธ์ที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในหมู่ผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังกล่าว

อีกกลยุทธ์ที่กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้นในหมู่บริษัทพัฒนาโครงการชั้นนำของไทย คือการหาผู้ร่วมทุน ซึ่งตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมามีการร่วมลงทุนเกิดขึ้นแล้วคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 570,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่า มีการควบรวมกิจการเกิดเพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน โดยศูนย์บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทยของเจแอลแอลพบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการควบรวมกิจการเกิดขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 170,000 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,347 วันที่ 11 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว