นักวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย กังวล "ค่าเงิน" ทะลุ 30 บ.ต่อดอลลาร์ มองกำไร "บจ." หนุนการเติบโต
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยโดยระบุว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น มองว่าสิ่งที่จะกดดันการลงทุนคือ ค่าเงินบาทที่ แข็งค่า โดยอาจส่งผลกระทบกับกลุ่มส่งออกที่อาจเติบโตได้ไม่เต็มที่
"ความเสี่ยงในประเทศ คือค่าเงินบาทที่แข็งค่า อาจไปอยู่ที่ระดับ 30-31 บาทต่อดอลลาร์ รวมถึงปัจจัยการเมืองที่จะเริ่มมีผลมากขึ้นในช่วงที่ใกล้การเลือกตั้ง"
นอกจากนี้ต้องติดตามคือการกีดกั้นทางการค้าที่เคยเกิดขึ้นใน อดีตจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาการขึ้นภาษีเหล็กนั้นเป็นสัญญาณที่ต้องจับตา รวมถึงความเสี่ยงของกลุ่มยูโรโซน อาจจะเกิดวิกฤติรอบใหม่ และจีนจะมีการเติบโตที่ลดลงหรือไม่
สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่กำไรในไตรมาสที่4 ปรับเพิ่มขึ้นมาพอสมควร จึงมีโอกาสที่ดัชนีปรับเพิ่มได้อีก ทั้งนี้ บล.ประเมินว่าดัชนีมีโอกาสแตะ 1,900 จุด ตัวเลขเศรษฐกิจทั่งโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่จีดีพีไทยมีโอกาสเติบโต 4% โดยจะมีแนวหนุนจากงบประมาณเบิกจ่ายภาครัฐบาล โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การเบิกจ่ายนั้นน้อยกว่าที่คาดจากกฏระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งอาจจะมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้ง่ายมากขึ้น
ขณะที่รัฐวิสาหกิจน่าจะเบิกจ่ายได้ง่ายขึ้น ทำให้ไตรมาสที่ 1 การเบิกจ่ายน่าจะดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนสถาบันเข้าซื้อหุ้นไทยประคองดัชนี ตราบใดที่เงินลงทุนสถาบันยังเพิ่มขึ้นจะช่วยดันดัชนีไว้ได้
ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ มองว่า เศรษฐกิจจะเติบโตที่ระดับ 4% แม้จีดีพีจะเติบโตได้ดี แต่รายได้ของแรงงานไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โตแค่ภาพเศรษฐกิจรวม แต่ไม่ได้กระจายไประดับล่าง มุมมองของค่าแรงยังไม่ขยับขึ้น ทั้งที่แรงงานหดตัว
ส่วนการเติบโตได้รับอานิงสงค์ดีจากการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่อาจกระทบกับค่าเงินที่แข็งค่าอาจกระทบกับกำไรในกลุ่มส่งออก รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน จากแรงหนุนของอีอีซี และ รายจ่ายการบริโภคระดับกลางและระดับบนยังเติบโตได้ดี
กลุ่มน่าสนใจลงทุน มองว่ากลุ่มท่องเที่ยวยังน่าสนใจลงทุน ทั้งกลุ่มโรงแรมและสนามบิน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง สื่อโฆษณา
ส่วนนาย อภิชาติ ประสิทธิ์นฤทธิ์ นายกสมาคมการค้าอสังหาและพันธมิตร เปิดเผยว่า ในด้านอสังหาริมทรัพย์สิ่งที่ถูกจับตาคือ ภาษีที่ดินอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะถูกบังคับใช้ได้หรือไม่ โดยคาดหวังว่าจะเริ่มบังคับใช้ได้ภายในปี 2562
ข้อจำกัดภาษีที่ดินดั้งเดิมถูกใช้มายาวนาน ทำให้ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ไม่ได้มีการถูกกระตุ้นให้ใช้ภาษีได้จริง โดยอัตราที่ดินของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ นั้นแทบจะต่ำที่สุดในโลก ขณะที่ราคาซื้อขายที่ดินแท้จริง จะสูงกว่าราคาประเมินค่อนข้างมาก
สิ่งที่ต้องระวังในการออกกฏหมายใหม่คือภาษีที่ดินจะต้องไม่สูงเกินไปและกระทบกับผู้ที่เช่าที่ดิน รวมถึงต้องส่งเสริมในกลุ่มธุรกิจการศึกษา และไม่ให้กระทบกับกลุ่มเกษตรกร
ในด้านการคำนวณอัตราภาษีใหม่ ได้ลดทอนอัตราเพดานและการจัดเก็บภาษี เพื่อให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น โดยคิดตามมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งนี้ภาษีที่ดิน จะเป็นปัจจัยในการสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยกระจายอำนาจการบริหารให้หับส่วนท้องถิ่นมากขึ้น
ด้านนายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีต สสร.2550 และสื่อมวลชน เปิดเผยว่า ดัชนีดาว์โจนส์ถือว่าเป็นดัชนีนำของโลก ที่ผ่านมาดาว์นโจนขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต.ค.ปีที่ผ่านมา 22,250 จุด จนถึง เดือนม.ค.26,750 จุดก่อนที่จะเจอแรงขายออกมา ในช่วง ก.พ.จากการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีที่มากเกินไป
“สหรัฐฯอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้ง มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ย อาจจะมากเกินไป จะทำให้เงินไหลกลับสหรัฐมากขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต้องติดตามดัชนีดาวโจนส์เพราะจะส่งสัญญาณหับตลาดการเงินมากที่สุด ส่วนราคาน้ำมันนั้น นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะอยู่ในระดับ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าต่างประเทศ ทำให้การปรับฐานน้อยกว่า แต่ยังถูกกดดันด้วยกองทุนต้างประเทศ”