"สมคิด" คาด 1 เดือนคลอดกม.คุมเงินดิจิทัล ย้ำลงทุนเรื่องนี้ "เสี่ยงเสียหาย" "วิษณุ" เรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องคุยเย็นนี้

07 มี.ค. 2561 | 12:26 น.
- 7 มี.ค. 61 - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาการออกกฎหมายควบคุมเงินดิจิทัลในรูปแบบที่เหมาะสม โดยจะใช้เวลา1 เดือนในการจัดทำกฎหมาย ส่วนการที่บริษัทเอกชนอาจใช้เวลาในช่วงที่ยังไม่มีกฎหมายเร่งออก ICO นั้น ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะ ก.ล.ต.ออกมาเตือนตลอดและมีเกณฑ์ที่เข้มงวดในการกำกับดูแล ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะหากไม่มีการกำกับดูแลก็จะเกิดความเสียหายกับผู้ที่เข้าไปลงทุนโดยไม่มีความรู้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในช่วงเย็นของวันนี้ ว่า ได้นัดหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายควบคุมเงินดิจิทัล และการระดมทุนรูปแบบใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ (ICO) ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงยุติธรรม มาหารือเกี่ยวกับกฎหมายที่จะควบคุมเงินดิจิทัลและการออกไอซีโอ หลังจากที่ให้โจทย์กับหน่วยงานต่างๆให้ไปจัดทำกรอบของกฎหมายให้มีความรอบครอบ ครอบคลุมประเด็นต่างๆ

“อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากฎหมายจะออกมาในรูปแบบใด และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะออกเป็นพระราชกำหนด (พรก.) หรือไม่เพราะต้องพิจิารณาเกี่ยวกับหน่วยงานต่างๆอีกครั้ง แต่เชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องออกเป็น ม.44” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา นายวิษณุปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปฏิรูปกฎหมาย จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ที่ห้องวอเตอร์เกท บอลรูม ชั้น 6 โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท ประตูน้ำ เนื่องในโอกาสวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันนักข่าว ซึ่งจัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยใจความตอนหนึ่งที่เกี่ยวกับเงินดิจิทัลคือ “เป็นเรื่องที่ไม่มีกฎหมายแต่ควรจะมีสักทีไม่เช่นนั้นจะแย่ อย่างเช่นถ้าคิดถึงเรื่องอูเบอร์แท็กซี่ หรือเงินสกุลดิจิทัล “คริปโต เคอเรนซี” และ “บิทคอยน์””

นายวิษณุ ระบุว่า “เรื่องเงินดิจิตอลกระทรวงการคลังก็หวั่นไหวอยู่ในขณะนี้ เคยถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เขาก็บอกว่าไม่ผิด แล้วถูกกฎหมายหรือไม่ เขาก็ไม่ถูก แล้วตกลงยังไงกันแน่ เพราะมันไม่มีกฎหมาย แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าควรจะมีกฎหมาย เพื่อควบคุม ให้มีให้เล่นได้แต่ต้องควบคุม เพราะตอนนี้ปราศจากการควบคุม

ผมถามว่า คริปโต เคอเรนซี และบิทคอย เราใช้พ.ร.บ.เงินตราคุมได้หรือไม่ ธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่าไม่ได้เป็นเงินตรา ผมถามกลต.ว่า เป็นหลักทรัพย์หรือไม่ เพราะถ้าเป็นหลักทรัพย์เราใช้พ.ร.บ.หลักทรัพย์เข้าไปจัดการได้ ก็ไม่เป็นหลักทรัพย์อีก ไม่เป็นอะไรเลย ก็ต้องออกกฎหมายมาควบคุมให้อยู่ในร่องในรอย ใครจะค้าขายต้องขออนุญาต ไม่เช่นนั้นจะเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต คดโกงหลอกลวง จะเกิดช่องทางให้นำเงินไปค้ามนุษย์และฟอกเงิน”