'เจริญ' ปัดฝุ่นที่ชะอำ! 1.5 หมื่นไร่ รับไฮสปีด
‘เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี’ ปัดฝุ่นที่ดิน 1.5 หมื่นไร่ หาดชะอำ รับโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน ถนนท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ‘ไทยแลนด์ริเวียร่า’
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ครม.สัญจร จ.เพชรบุรี ได้เห็นชอบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (ไทยแลนด์ริเวียร่า) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และช่วยยกระดับการท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และเพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการดังกล่าว ทางกระทรวงคมนาคมยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน โดยในปีนี้ กระทรวงคมนาคมจะจัดทำเอกสารการประกวดราคาแล้วเสร็จ ก่อนเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาเห็นชอบ พร้อมเชื่อว่า ถ้าผลักดันโครงการดังกล่าวจนเกิดเป็นรูปร่าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะค่อย ๆ เกิดขึ้นตามมา จนนำมาสู่การพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจชุมชน
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการต่อยอดให้ อ.หัวหิน เปลี่ยนรูปแบบจากการเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวแทน เพราะต่อไปนักท่องเที่ยวจะบินตรงมาลงที่สนามบินหัวหิน ก่อนเดินผ่านเส้นทาง ‘ไทยแลนด์ริเวียร่า’ สามารถลงไปทางใต้ถึงชุมพรและระนอง หรือขึ้นไปทางเหนือถึงสมุทรสาครและกรุงเทพฯ ได้ด้วยความสะดวก
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า โครงการ ‘ไทยแลนด์ริเวียร่า’ จะใช้ชื่อภาษาไทยว่า ‘หาดทรายหลวง ชายฝั่งทะเลวัง’ ประกอบด้วย เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร และระนอง โดยจะสร้างให้เกิดภาพจำว่า เป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามติดอันดับโลก เมื่อมีโครงการนี้ขึ้นจะสร้างการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมได้มากขึ้น
โดยทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาเส้นทางของกระทรวงคมนาคม ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่โครงการเชื่อมถนนสายรอง เส้นทางรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว โครงการปรับปรุงและขยายสนามบิน บ่อฝ้าย ชุมพร ระนอง และโครงการพัฒนาท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวฯ ใช้เพียงเล็กน้อยรวม 45 โครงการ วงเงิน 170 ล้านบาท ซึ่งจะตั้งขอในปีงบประมาณ 2562 ส่วนใหญ่เป็นโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับแหล่งท่องเที่ยว
‘เจริญ’ ปัดฝุ่น! ที่ชะอำ 1.5 หมื่นไร่
แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากกรณีรัฐบาลผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-หัวหิน ลงสู่ภาคใต้ รวมถึงรถไฟทางคู่ ถนนท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเล หรือโครงการ ‘ไทยแลนด์ริเวียร่า’ จะส่งผลในเชิงบวกต่อการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ (แลนด์แบงก์) ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่สะสมไว้หลายหมื่นไร่ บริเวณเลียบชายหาดเชื่อมจากหาดปึกเตียน บ้านท่า บ้านนายาง ถึง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และคาดว่าจะนำที่ดินผืนใหญ่มาปัดฝุ่นอีกครั้ง ให้สอดรับกับโครงสร้างพื้นฐานรัฐ และอยู่ระหว่างหาผู้ร่วมทุนต่างชาติ
“หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าสัวเจริญเคยวางแผนพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูส โฮมเฮลธ์แคร์ ศูนย์สุขภาพรองรับผู้สูงอายุ โรงพยาบาล รวมทั้งสวนสนุก โรงแรม ที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ-แนวสูง ศูนย์การค้า สนามกอล์ฟ ฯลฯ โดยจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟสใหญ่ เนื่องจากมีที่ดินเป็นจำนวนมาก”
สำหรับที่ดินของเจ้าสัวเจริญราคาค่อนข้างต่ำ ไร่หลักหมื่นบาท แต่ปัจจุบันบริเวณชะอำไม่ติดทะเล ราคาเกือบ 1 ล้านบาทต่อไร่ ไม่อยู่ในพื้นที่รับน้ำท่วม ไร่ละ 15 ล้านบาท หากอยู่ในพื้นที่รับน้ำท่วม ราคา 4-5 ล้านบาท ส่วนที่ดินติดทะเลหัวหินซอย 5 ราคาตารางวาละ 1.5-1.8 แสนบาท หรือไร่ละ 60-70 ล้านบาท สำหรับรถไฟความเร็วสูง ส่วนสถานีใหญ่อยู่ที่หัวหินและปราณบุรี
นำร่องสร้างท่าเรือชะอำ
นายจำนงค์ ตันติรัตนโอภาส ประธานกิตติมศักดิ์ หอการค้าจังหวัดเพชรบุรี ระบุว่า ที่ดินของเจ้าสัวเจริญ ได้มอบให้นายหน้าเจรจาซื้อต่อจากชาวบ้านในราคาถูก ครอบคลุมหมู่บ้านบ้านท่า, บ้านนายาง, บ้านบางเกตุ, บ้านบางเก่า อ.ชะอำ ซึ่งได้จัดทำพิมพ์เขียวแล้วเสร็จ เนื้อที่กว่า 10,000-20,000 ไร่ พัฒนาทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรม ที่อยู่อาศัย ดิสนีย์แลนด์ ศูนย์การค้า สถานพักฟื้นสำหรับผู้สูงอายุ ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่จะสร้างโครงการแหลมผักเบี้ย ถนนลัดอ่าวไทยจากสมุทรสาครตัดตรงมายัง อ.ชะอำ แต่เจอปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการจึงถูกยกเลิกไป ล่าสุด ปี 2560 การท่าเรือแห่งประเทศไทยอนุมัติให้เจ้าสัวเจริญก่อสร้างท่าเรือ บริเวณฝั่งทางด้านทะเลชะอำ ใกล้กับแปลงที่ดินและขนานไปกับรถไฟทางคู่ เพื่อขนส่งสินค้าของบริษัท แต่ห่างจากสถานีรถไฟความเร็วสูง สถานีชะอำ 10 กิโลเมตร
สำหรับที่ดินแปลงใหญ่ ปัจจุบันยังติดปัญหาผังเมือง ส่วนใหญ่เป็นที่เกษตรกรรมและยังมีชุมชนอาศัยอยู่ ซึ่งเจ้าสัวพยายามขอให้สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ เพราะติดปัญหาผังเมืองห้ามก่อสร้างอาคารสูง
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,346 วันที่ 8-10 มี.ค. 2561 หน้า 01-15
