เต็ดตราแพ้คขยายฐานลูกค้าใหม่ดันยอดใช้กล่องโต2-3%
เต็ดตรา แพ้ค หวังตลาดเครื่องดื่มฟื้นตัว ดันยอดใช้กล่องเครื่องดื่มโต 2-3% หลังปีที่ผ่านมาตลาดหดตัว 4% พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและอาหาร ทั้งกระตุ้นฐานลูกค้าใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่
นายเบิร์ท ยาน โพสท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงภาพรวมธุรกิจในปีที่ผ่านมา ถือว่าไม่มีอัตราการเติบโต เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มที่เป็นตลาดหลักของบริษัทชะลอตัวลง 3-4% ในเครื่องดื่มทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนม น้ำผลไม้ และน้ำเปล่า แต่บริษัทสามารถรักษาผลประกอบการให้เท่ากับปีก่อนหน้าได้ เนื่องจากยังมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเครื่องดื่มเฉพาะ และเครื่องดื่มที่เป็นเทรนด์สุขภาพ ซึ่งตลาดดังกล่าวยังคงมีอัตราการเติบโตสวนทางกับภาพรวมตลาด
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 บริษัทยังคงคาดหวังว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ในอัตรา 2-3% จากปีที่ผ่านมามีปริมาณการใช้กล่องเครื่องดื่ม 6,800 ล้านกล่อง ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ล้านกล่อง หรือมีปริมาณผู้บริโภค 1,500 ล้านลิตร ส่วนเต็ดตรา แพ้คทั่วโลกมีรายได้ในปีที่ผ่านมา 1.2 หมื่นล้านยูโร หรือมากกว่า 4.65 แสนล้านบาท
“ปีนี้ยังหวังว่าตลาดเครื่องดื่มน่าจะกลับมาเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้เต็ดตรา แพ้คเติบโตตามไปด้วย จากปีที่ผ่านมาตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคตกลงไปเล็กน้อย แต่เครื่องดื่มค่อนข้างตกลงไปมาก จากปัญหาภัยแล้ง ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร แต่กลุ่มเครื่องดื่มที่เป็นตลาดนิชยังคงเติบโตสวนกระแสตลาด เช่น นมอัลมอนต์ นมไฮโปรตีน นมแลคโตส ซึ่งดูจากสภาพตลาดเครื่องดื่มปีนี้แล้วมีทิศทางที่ดี น่าจะกลับมาเติบโตได้”
ด้านนางสาวรัตนศิริ ดิลกสกุลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าผู้ผลิตเครื่องดื่มกว่า 40 ราย ซึ่งหากลูกค้ามีอัตราการเติบโตที่ดี บริษัทจะเติบโตตามไปด้วย และปีนี้มีบริษัทแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มเครื่องดื่มและอาหาร ที่ยังไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น กลุ่มกาแฟ กลุ่มน้ำซุป นมข้นหวาน นมข้นจืด เป็นต้น ที่จะมุ่งเน้นเข้าไปทำตลาดและผลักดันให้ลูกค้าใช้บรรจุภัณฑ์ของบริษัท
ขณะเดียวกันยังจะขยายตลาดในบรรจุภัณฑ์ประเภทเต็ดตรา รีคาร์ท (Tetra Recart) สำหรับสินค้าประเภทอาหาร เนื่องจากประหยัดพื้นที่การจัดส่งสินค้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในต่างประเทศได้ใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มานานแล้ว โดยล่าสุดได้นำเข้าเครื่องทดลอง หรือ Testing Unit เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองการใช้งาน ก่อนการติดตั้งเครื่องจริง เพื่อช่วยให้เกิดการตัดสินใจติดตั้งเครื่องดังกล่าวได้ง่ายขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวด้วย
“ปีนี้ตลาดที่จะมาช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท จะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มที่ยังไม่ได้ใช้สินค้าของบริษัท บรรจุภัณฑ์แบบเต็ดตรา รีคาร์ทสำหรับใส่อาหาร รวมถึงการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซต่างๆ ที่ลูกค้าของบริษัทได้ขยายไปในช่องทางดังกล่าว ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เจาะตลาดเฉพาะ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่สนใจสุขภาพมากขึ้น และเป็นสังคมผู้สูงอายุ ที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ขณะที่ตลาดส่งออกก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยที่ผ่านมาบริษัทจะเติบโตเฉลี่ย 4% แต่ช่วงปี 2559 เติบโต 6-7% สูงกว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่เติบโต 4-5%”
นายเบิร์ท ยาน โพสท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงภาพรวมธุรกิจในปีที่ผ่านมา ถือว่าไม่มีอัตราการเติบโต เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มที่เป็นตลาดหลักของบริษัทชะลอตัวลง 3-4% ในเครื่องดื่มทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนม น้ำผลไม้ และน้ำเปล่า แต่บริษัทสามารถรักษาผลประกอบการให้เท่ากับปีก่อนหน้าได้ เนื่องจากยังมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเครื่องดื่มเฉพาะ และเครื่องดื่มที่เป็นเทรนด์สุขภาพ ซึ่งตลาดดังกล่าวยังคงมีอัตราการเติบโตสวนทางกับภาพรวมตลาด
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 บริษัทยังคงคาดหวังว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ในอัตรา 2-3% จากปีที่ผ่านมามีปริมาณการใช้กล่องเครื่องดื่ม 6,800 ล้านกล่อง ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ล้านกล่อง หรือมีปริมาณผู้บริโภค 1,500 ล้านลิตร ส่วนเต็ดตรา แพ้คทั่วโลกมีรายได้ในปีที่ผ่านมา 1.2 หมื่นล้านยูโร หรือมากกว่า 4.65 แสนล้านบาท
“ปีนี้ยังหวังว่าตลาดเครื่องดื่มน่าจะกลับมาเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้เต็ดตรา แพ้คเติบโตตามไปด้วย จากปีที่ผ่านมาตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคตกลงไปเล็กน้อย แต่เครื่องดื่มค่อนข้างตกลงไปมาก จากปัญหาภัยแล้ง ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร แต่กลุ่มเครื่องดื่มที่เป็นตลาดนิชยังคงเติบโตสวนกระแสตลาด เช่น นมอัลมอนต์ นมไฮโปรตีน นมแลคโตส ซึ่งดูจากสภาพตลาดเครื่องดื่มปีนี้แล้วมีทิศทางที่ดี น่าจะกลับมาเติบโตได้”
ขณะเดียวกันยังจะขยายตลาดในบรรจุภัณฑ์ประเภทเต็ดตรา รีคาร์ท (Tetra Recart) สำหรับสินค้าประเภทอาหาร เนื่องจากประหยัดพื้นที่การจัดส่งสินค้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในต่างประเทศได้ใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มานานแล้ว โดยล่าสุดได้นำเข้าเครื่องทดลอง หรือ Testing Unit เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองการใช้งาน ก่อนการติดตั้งเครื่องจริง เพื่อช่วยให้เกิดการตัดสินใจติดตั้งเครื่องดังกล่าวได้ง่ายขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวด้วย
“ปีนี้ตลาดที่จะมาช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท จะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มที่ยังไม่ได้ใช้สินค้าของบริษัท บรรจุภัณฑ์แบบเต็ดตรา รีคาร์ทสำหรับใส่อาหาร รวมถึงการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซต่างๆ ที่ลูกค้าของบริษัทได้ขยายไปในช่องทางดังกล่าว ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เจาะตลาดเฉพาะ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่สนใจสุขภาพมากขึ้น และเป็นสังคมผู้สูงอายุ ที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ขณะที่ตลาดส่งออกก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยที่ผ่านมาบริษัทจะเติบโตเฉลี่ย 4% แต่ช่วงปี 2559 เติบโต 6-7% สูงกว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่เติบโต 4-5%”
