จับตาจีน! เล็งเปิดทาง 'สี จิ้นผิง' นั่งประธานาธิบดีได้ตลอดชีวิต

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอยกเลิกบทบัญญัติที่กำหนดให้ ‘ประธานาธิบดี’ ดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 สมัย เปิดช่องให้ ‘สี จิ้นผิง’ บริหารประเทศต่อไปอีกในสมัยที่ 3 หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิตของเขา

-4 มี.ค. 61- คณะกรรมการกลางของ ‘พรรคคอมมิวนิสต์จีน’ เสนอยกเลิกบทบัญญัติที่ห้ามไม่ให้ ‘ประธานาธิบดี’ หรือ ‘รองประธานาธิบดี’ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ดำรงตำแหน่งมากกว่า 2 สมัยติดต่อกัน โดยข้อเสนอดังกล่าวจะมีการรับรองระหว่างการประชุมประจำปีสภาประชาชนแห่งชาติ ซึ่งจะเริ่มต้นวันที่ 5 มี.ค. นี้

นายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี 2555 โดยอยู่ในตำแหน่งวาระละ 5 ปี และสมัยที่ 2 จะหมดวาระในปี 2566 นักวิเคราะห์ระบุว่า การยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าวจะทำให้ นายสี จิ้นผิง วัย 64 ปี สามารถอยู่ในอำนาจต่อไปได้ในสมัยที่ 3 หรือ ‘ตลอดชีวิต’ ประหนึ่งจักรพรรดิเลยทีเดียว



การกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 10 ปีติดต่อกัน เริ่มต้นตามแนวคิดผู้นำ ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ เพื่อพยายามไม่ให้เกิดความวุ่นวายแบบในสมัยของ ‘เหมา เจ๋อตุง’ แต่แนวโน้มการแก้ไขธรรมนูญพรรคเริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อ นายสี จิ้นผิง ไม่เปิดตัวทายาททางการเมืองของเขา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เขาเตรียมหาทางนั่งเก้าอี้ผู้นำต่ออีกสมัยอย่างแน่นอน

นายวิลลี แลม นักวิชาการด้านการเมือง จาก ไชนีส ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ฮ่องกง เตือนว่า เรากำลังได้เห็นการกลับมาของยุค ‘เหมา เจ๋อตุง’ ซึ่งคนเพียงคนเดียวตัดสินใจชะตาชีวิตของคนอีกหลายล้านคน โดยที่ไม่มีระบบตรวจสอบและคานอำนาจ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่อันตราย เพราะมีโอกาสง่ายมากที่ นายสี จิ้นผิง จะตัดสินใจอะไรผิด ๆ โดยที่ไม่มีใครกล้าท้วง

ในขณะที่ นักวิเคราะห์คนอื่น ๆ มองด้วยเช่นกันว่า การเพิ่มอำนาจให้บุคคลคนเดียว เป็นการกัดกร่อนสิทธิมนุษยชน




ขณะที่ การประกาศแผนของพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งนี้ ถือเป็นการหันเหจากยุคของการปกครองร่วมกันตามแนวคิดของ นายเติ้ง เสี่ยวผิง กลับไปสู่ยุคของ เหมา เจ๋อตุง ที่คน ๆ เดียวคุมอำนาจหมดทุกอย่าง

ก่อนหน้านั้น อดีตประธานาธิบดี เจียง เจ๋อหมิน และหู จิ่นเทา ดำรงตำแหน่งเพียง 2 สมัย และมีการส่งต่ออำนาจที่ราบรื่น ส่งผลให้จีนมีความรุ่งเรืองและกลายเป็นประเทศขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก ขณะที่ นายสี จิ้นผิง ดำเนินตามแนวทางของ เหมา เจ๋อตุง ซึ่งกระชับอำนาจเข้มข้น เดินหน้าปราบปรามการทุจริตและภาคประชาสังคม รวมถึงบรรจุชื่อของเขาไว้ในธรรมนูญพรรค

นักวิเคราะห์ ระบุว่า การจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นส่วนสำคัญของการทำให้การเปลี่ยนผ่านผู้นำจีนเป็นไปอย่างราบรื่น และสร้างความเป็นเอกภาพของพรรค การยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวจึงกลายเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในระยะยาว



อย่างไรก็ตาม แม้นักวิเคราะห์จำนวนมากแสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ แต่ชาวจีนจำนวนไม่น้อยสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยระบุว่า จีนกำลังมีการปฏิรูปมาก จึงต้องการความต่อเนื่องทางการเมืองและเสถียรภาพของผู้นำ นอกจากนี้ พวกเขายังมองว่า ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของจีน รวมถึงผู้คนต้องการให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินหน้านโยบายปราบปรามการทุจริตต่อไปด้วย