ให้กำลังใจและสนับสนุน กฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ไปเจรจากับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เพื่อขอลดยอดเงินจ่ายค่าเสียหาย หลังจากศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาตัดสินให้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด ในเครือซีพี ชนะคดียางล้านไร่ จากที่บริษัทถูกระงับการส่งมอบต้นกล้ายาง 16.14 ล้านต้น ซึ่งทางบริษัทเรียกค่าเสียหายรวม 1,700 ล้านบาท แต่กรมต้องจ่ายค่าเสียหายจริงรวม 365 ล้านบาท
ความจริง กฤษฎา บุญราช ไม่ควรเหนื่อยกับสิ่งที่ไม่ได้ทำแค่ยอมนำเรื่องเข้าครม.ชำระ “ค่าโง่” ที่นักการเมือง-ข้าราชการ-เอกชนในอดีต ร่วมกันสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับประเทศ โดยถือว่าเป็นไปตามคำพิพากษา แต่ด้วยความคิดของ กฤษฎา ที่จะปกป้องผลประโยชน์ชาติ จึงมาเจรจากันอีกรอบแม้มีคำพิพากษาแล้วให้รัฐชดใช้ แต่หากเอกชนเห็นแก่ผลประโยชน์ชาติมากกว่าผลประโยชน์ของบริษัทตนก็อาจจะยอมลด “ค่าโง่” หรือไม่รับเลยก็ได้
หากไปดูผลประกอบการของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนิติบุคคลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและนิติบุคคลที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่ามีกำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท กับเงินเพียง 365 ล้านบาท ถ้าจะยกให้รัฐเพื่อ “ตอบแทนคุณแผ่นดิน” ที่ได้ทำมาหากินจนรํ่ารวย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ขึ้นอยู่กับสำนึกของผู้บริหาร รวมไปถึง เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ที่อาจจะแย้งได้ว่าไม่คืน เพราะชนะคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว ซึ่งก็เป็นสิทธิของกลุ่มซีพี แต่ระวังสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ “ชนะคำพิพากษาแต่แพ้ใจคนทั้งแผ่นดิน” ก็แล้วกัน
ย้อนประวัติศาสตร์โครงการยางล้านไร่ เป็นโครงการภายใต้รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร สำหรับการส่งมอบกล้ายางเป็นสัญญาระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับ บจก.เจริญโภค ภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ ซึ่งในครั้งนั้นมี นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ เป็นอธิบดี ขณะที่กรรมการพิจารณาตัดสินผลการประ- กวดราคาที่ให้เครือซีพีชนะการประมูลในปี 2546 มี 5 คน
ประกอบด้วย นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริมการ เกษตร เป็นประธานคณะ ปัจจุบันเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ส่วนกรรมการ ประกอบด้วย นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตเลขานุการกรมวิชาการเกษตร ปัจจุบันเป็นอธิบดีกรมการข้าว นายจิรากร โกศัยเสวี อดีตผู้อำนวยการ กองการเจ้าหน้าที่ (เกษียณอายุในตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตรปี 2555) ปัจจุบันเป็นผู้บริหารในเครือธุรกิจซีพี นายจำนงค์ คงสิน อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยางฉะเชิงเทรา และนายสมบัติ ยั่งยืน อดีตเจ้าหน้าที่บริหารพัสดุ 6
ยกประวัติศาสตร์มาให้เห็น และขอเรียกร้องว่าเมื่อเราแพ้คดี “ค่าโง่” แบบนี้แล้ว นอกจาก รมว.เกษตรและสหกรณ์ กฤษฎา บุญราช จะตั้งคณะทำงานไปเจรจากับเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว จะ ต้องดำเนินการกับข้าราชการ-นักการเมืองในอดีตที่สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ เพราะนอกจากเสียงบประมาณในการดำเนินงานที่ไม่ประสบความสำเร็จใน ขณะนั้นแล้ว ยังต้องมีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคำพิพากษาอีกต่างหาก
………………………..
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ/ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3345 ระหว่างวันที่ 4-7 มี.ค. 2561
