แอล.พี.เอ็น.ยุคผลัดใบ ชูสร้างองค์กรมืออาชีพ

07 มี.ค. 2561 | 08:35 น.
บิ๊กแอล.พี.เอ็น   “โอภาส” สร้างทีมบริหารมืออาชีพ ลบภาพองค์กรแบบเถ้าแก่ พลิกสถานการณ์จากถดถอยให้ฟื้นตัวด้วยยอดขาย 20,000 ล้านบาท กับเป้ารายได้ที่ 12,000 ล้านบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัดฯ (LPN) กล่าวว่า ในปี 2560 เป็นปีแรกที่ LPN และบริษัทในเครือได้จัดทัพธุรกิจครั้งใหญ่ถือเป็น “ปีแห่งการปรับเปลี่ยน” นับจากปรับเปลี่ยนคณะผู้บริหาร หลังชุดเดิมที่มีนายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารขอเกษียณ ส่งต่อให้ตนเองขึ้นมาแทน ก็ได้เพิ่มทีมบริหารจาก 5 เป็น 10 คน ในจำนวนนี้ 8 คนเป็นลูกหม้อ อีก 2 คนเป็นมืออาชีพจากองค์กรอื่นมาเสริมทัพ ทยอยเข้ามาในเดือนมีนาคมและเมษายนนี้ พร้อมกันนี้ได้นายเกริก วานิชกุล มืออาชีพด้านการเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ มาเป็นกรรมการบริษัท

[caption id="attachment_264523" align="aligncenter" width="503"] โอภาส ศรีพยัคฆ์ โอภาส ศรีพยัคฆ์[/caption]

“ทีมบริหารชุดใหม่ประกอบด้วยผู้บริหาร 3 ช่วงอายุ ที่มีประสบการณ์หลากหลาย มาร่วมกันสร้าง LPN เป็นองค์กรมืออาชีพ เพราะทีมบริหารชุดนี้ไม่มีผู้ร่วมก่อตั้งอยู่เลย ถือเป็นการรีเฟรชแบรนด์ ในการก้าวขึ้นปีที่ 30 ของบริษัท”

พร้อมกันนี้ได้ปรับกลุ่มเป้าหมายจากกลางถึงกลาง-ล่าง จนติดกับดัก ก็ขยายเป็นกลางถึงกลาง-บน พร้อมกับกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ระยะสั้นเพื่อระบายสินค้าพร้อมอยู่ ซึ่งในปี 2560 บริษัทได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ระบายสินค้าพร้อมอยู่ได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือประมาณ 50% ของมูลค่าสินค้าพร้อมอยู่ทั้งหมด

ในช่วง 3 ปีจากปีนี้ถึงปี 2563 ทั้ง LPN และบริษัทในเครือจะสร้างรายได้ให้เติบโตผ่าน 2 กลุ่มธุรกิจหลักคือ กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจบริการ โดยวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 35-40% และรายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการเติบโตอยู่ที่ 20%

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์-2-503x69 โดยปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นประเภทอาคารชุดพักอาศัย 17,000 ล้านบาท และประเภทบ้าน 3,000 ล้านบาท ขณะที่เป้ารายได้จากการขายอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 10,500 ล้านบาท และประเภทบ้าน 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังกำหนดเป้าหมายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 15,000 ล้านบาท และประเภทบ้าน 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ในปี 2561 ในมืออยู่ประมาณ 5,900 ล้านบาท คิดเป็น 50 % ของเป้ารายได้รวม ณ สิ้นปี 2560 มียอด Backlog รวมมูลค่า 7,400 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,345 วันที่ 4 - 7 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว