นายกฯ สั่งตั้งกรรมการ "ไล่จับคนร้ายหนีไป ตปท."
-27 ก.พ. 61- พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. เรื่องความร่วมมือระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหน่วยงานของต่างประเทศ ว่า ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ขอความเห็นชอบลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้ลงนาม ภายใต้กรอบการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ ลักลอบเข้าเมือง แก๊งค์มอเตอร์ไซด์นอกกฎหมาย การแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก การฟอกเงิน การต่อต้านการก่อการร้าย และปัญหาอื่น ๆ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการเพิ่มเติมว่า ในส่วนของคดีความที่มีผู้หลบหนีไปต่างประเทศนั้น สาเหตุที่ไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดกลับมาลงโทษได้เลย จนสังคมส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รัฐบาลไม่ตั้งใจดำเนินการ มีการเกี๊ยเซียะกัน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงการต่างประเทศ (ก.ต.) อัยการ ดีเอสไอ ต่างมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง แต่ยังเคยมีคณะกรรมการที่เป็นผู้รวบรวมผลการดำเนินการจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาแจ้งความคืบหน้า และชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจว่า มีการดำเนินการไปอย่างไรบ้าง โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้น โดยให้ ก.ต. เป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวม โดยนำบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ เพื่อชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ ถึงความคืบหน้า ข้อติดขัดต่าง ๆ เนื่องจากในบางกรณีที่เป็นความผิดทางอาญาของประเทศไทย แต่บางประเทศก็มองว่าเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเป็นผู้ชี้แจงให้สังคมได้รับทราบว่า รัฐบาลมีการดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศไทยและกฎหมายของต่งาประเทศที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการเพิ่มเติมว่า ในส่วนของคดีความที่มีผู้หลบหนีไปต่างประเทศนั้น สาเหตุที่ไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดกลับมาลงโทษได้เลย จนสังคมส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รัฐบาลไม่ตั้งใจดำเนินการ มีการเกี๊ยเซียะกัน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงการต่างประเทศ (ก.ต.) อัยการ ดีเอสไอ ต่างมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง แต่ยังเคยมีคณะกรรมการที่เป็นผู้รวบรวมผลการดำเนินการจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาแจ้งความคืบหน้า และชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจว่า มีการดำเนินการไปอย่างไรบ้าง โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้น โดยให้ ก.ต. เป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวม โดยนำบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ เพื่อชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ ถึงความคืบหน้า ข้อติดขัดต่าง ๆ เนื่องจากในบางกรณีที่เป็นความผิดทางอาญาของประเทศไทย แต่บางประเทศก็มองว่าเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเป็นผู้ชี้แจงให้สังคมได้รับทราบว่า รัฐบาลมีการดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศไทยและกฎหมายของต่งาประเทศที่เกี่ยวข้อง
