สภาธุรกิจไทยจีนมองไทยมีศักยภาพพอรับนโยบาย One Belt One Road

28 ก.พ. 2561 | 03:00 น.
ประธานสภาธุรกิจไทยจีน มองไทยมีศักยภาพเพียงพอรองรับนโยบาย One Belt One Road ของจีน ซึ่งจากความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ หากเข้าไปเป็นตัวกลางเชื่อมจีนกับประเทศต่างๆ ได้ เศรษฐกิจไทยก็จะได้ประโยชน์สูงสุด ขณะที่ทูตจีนระบุจะผลักดันโครงการรถไฟไทย-จีนให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานสภาธุรกิจไทยจีน กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนและเชื่อมโยงเศรษฐกิจผ่านนโยบาย One Belt One Road ที่มีความจำเป็นต้องใช้เส้นทางผ่านประเทศไทยลงไปทางใต้ ดังนั้นไทยจะต้องอาศัยความได้เปรียบในเรื่องของภูมิศาสตร์เพื่อดึงศักยภาพของประเทศให้สามารถเชื่อมโยงกับจีนเพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเต็มที่

vik

อย่างไรก็ตาม จีนยังถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 10 ล้านคนจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศปีละ 130 ล้านคน สร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั่วโลกปีละประมาณ 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนในขณะนี้ หากไทยสามารถเสนอตัวเป็นสะพานเชื่อมโยงจีนกับประเทศต่างๆได้ ก็จะเป็นโอกาสของไทยที่จะสามารถรักษาระดับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ซึ่งนโยบายของจีนในขณะนี้ เอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยไทยจำเป็นต้องใช้ศักยภาพที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด

ด้านนายลวี่ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า ตลอด 43 ปีที่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ประชาชนระหว่างสองชาติ ตลอดจนผู้นำ และผู้บริหารประเทศไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด จนมีคำพูดเกิดขึ้นว่าไทย-จีนใช่อื่นไกลพี่น้องกัน ซึ่งจีนไม่เคยใช้ประโยคดังกล่าวอธิบายความสัมพันธ์กับชาติใดในโลก

บาร์ไลน์ฐาน

โดยในปี 2017 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังประเทศไทย 9.8 ล้านคน เฉพาะในช่วงตรุษจีนมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาจำนวน 3.3 แสนคน อีกทั้งยังมีนักศึกษาจีนที่เข้ามาศึกษาในประเทศไทยมากถึง 3.7 หมื่นคน และจีนยังเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยติดต่อกันมานานหลายปี โดยเฉพาะข้าวและยางพารา โดยในเดือนพฤศจิกายนปีนี้จีนจะจัดงาน แสดงสินค้า export expo ที่นครเซี่ยงไฮ้ รัฐบาลจีนยินดีตอนรับสินค้าคุณภาพจากประเทศไทย เข้าสู่ตลาดจีน และยังยินดีแบ่งปันประสบการณ์ในการขจัดความยากจนให้กับไทย

โดยทั้งสองชาติควรจะเพิ่มร่วมมือกันให้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีระดับแนวหน้าที่จีนมีความเชี่ยวชาญ และด้านความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งโครงการรถไฟไทยจีนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยทางการจีนยินดีผลักดันให้โครงการดังกล่าวก่อสร้างเสร็จเร็วที่สุดเพื่อจะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้ประชาชนตามแนวเส้นทางรถไฟ หลังจากนี้ทั้งสองประเทศควรส่งเสริมกิจกรรมแลกเปลี่ยนการไปมาหาสู่ระหว่างกัน เช่นการศึกษาดูงานและการทัศนศึกษาตลอดจนความบันเทิงต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน จึงจะสามารถต่อยอดพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนให้ใกล้ชิดยิ่งๆขึ้นไปในอนาคต

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว