‘คาราบาว’รุกยุโรป-เอเชีย ทุ่ม 1.4 หมื่นล้านขยายโรงงานจีนหวังรายได้ปีนี้โต 20%
“คาราบาว กรุ๊ป” เปิดเกมรุกต่างประเทศ สยายปีกสู่ World Class Products World Class Brand วาดแผนขยายตลาดยุโรป-เอเชีย ชูอังกฤษ-จีน ฐานสำคัญในการสร้างแบรนด์-กวาดยอดขาย พร้อมทุ่ม 1.4 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายโรงงาน-ตลาดในแดนมังกร
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอังกฤษถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป ด้วยมูลค่ากว่า 2,348 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น-ผู้ใหญ่ ที่นิยมดื่มเป็นซอฟต์ดริงก์ 70% เป็นมิกเซอร์ 30%การแข่งขันในตลาดจึงมีความรุนแรงทั้งแบรนด์โลคัลและแบรนด์จากต่างประเทศที่เข้าไปช่วงชิงยอดขายและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ เพราะอังกฤษยังเป็นฐานสำคัญและเป็นบันไดสู่การบุกตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปต่อไป
ความสำเร็จในการทำตลาดของ “คาราบาว” เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติไทยที่ไปบุกตลาดในเมืองผู้ดี ด้วยกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้งในช่วงที่ผ่านมา และล่าสุดการเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษหรือคาราบาว คัพ ส่งผลให้แบรนด์ คาราบาวเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวทีสากลและประสบความสำเร็จอย่างสูงในแง่ของยอดขาย โดยคาดว่าในปีนี้จะทำยอดขายในประเทศอังกฤษกว่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะเริ่มมีกำไรได้อย่างแน่นอนในปี 2563
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ CBG ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง“คาราบาว” และ “คาราบาวแดง” กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า อังกฤษคือแฟล็กชิพ การทำตลาดในยุโรป บริษัทตั้งเป้าจะขึ้นเบอร์ 3 ภายใน 2-3 ปีนี้และกำลังจะขยายเข้าไปในฝรั่งเศส โดยปีนี้คาราบาวยังเดินหน้าลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างแบรนด์สร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ ควบคู่ไปกับการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายและการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
[caption id="attachment_263507" align="aligncenter" width="335"]
เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ CBG[/caption]
โดยใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเจรจากับสโมสรฟุตบอลอาชีพในลีกชั้นนำหลายประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ เพื่อเป็นสปอนเซอร์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการนำเครื่องดื่มคาราบาวแดงเข้าไปให้บริการในคลับ หรือสโมสร ตลอดจนการติดโลโกบนหน้าอกเสื้อที่ใช้ฝึกซ้อม หรือแข่งขัน ทั้งนี้แนวทางการทำตลาดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักคือการใช้กีฬาเป็นฐานสำคัญเพื่อขยายตลาดในยุโรป
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้า ในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเข้าไปจำหน่ายสินค้า โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ ซึ่งในปีนี้บริษัทจะขยายตลาดยุโรปมากขึ้น เพราะมองว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดีแต่เบื้องต้นจะเป็นการส่งสินค้าไปจำหน่ายหากในอนาคตตลาดมีการขยายตัวได้ดี อาจจะพิจารณาตั้งโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตอีกด้วย
นอกเหนือจากการบุกตลาดอังกฤษ และยุโรปแล้วบริษัทยังมีเป้าหมายในการเจาะตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงอย่าง “จีน” ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่2ของโลกหรือ 8,513 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯรองจากสหรัฐอเมริกา หลังจากช่วงกลางปี 2560 ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปทำตลาดที่จีน และสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 130 ล้านกระป๋อง โดยคาราบาวเตรียมแผนรุกตลาดจีนเต็มสูบ ด้วยการเทงบประมาณ 4,000-6,000 ล้านบาทสร้างการรับรู้ผ่านการโฆษณา กิจกรรมต่างๆ และการเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาที่คนจีนชื่นชอบ รวมถึงการแจกตัวอย่างทดลองชิม และสาวบาวแดง ฯลฯ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้เข้าไปจัดตั้งสำนักงานใน 27 มณฑล รวม 60 แห่งทั่วจีน พร้อมพนักงานอีก กว่า 1,000 คนทั้งมองหาโรงงานผลิตในจีน (OEM) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งจากไทยด้วย
“ปีนี้น่าจะเห็นยอดขายถึง 300 ล้านกระป๋อง ปีต่อไปจะขยับเป็น 1,000 ล้านกระป๋อง ซึ่งคาดว่าสัดส่วนการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังในจีนจะอยู่ที่ 50% ของโลก ใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือมียอดขายรวมเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านกระป๋องต่อปี โดยมองว่าตลาดจีนมีแผนลงทุน 1.4 หมื่นล้านบาท ในช่วง 4 ปีนับจากนี้ ทั้งในแง่ของการขยายตลาดและก่อตั้งโรงงานการผลิต”
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 จะเติบโตไม่ตํ่ากว่า20%หรือกว่า 1.5 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 45%ต่างประเทศ 55% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 1.2หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 55% ต่างประเทศ 45% ซึ่งเป็นการเติบโตจากตลาดในประเทศไม่ตํ่ากว่า10% ส่วนตลาดต่างประเทศคาดว่าจะเติบโตไม่ตํ่ากว่า30% โดยตลาดในประเทศปีนี้บริษัทจะเน้นการกระจายสินค้าให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นแบรนด์ระดับโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคาราบาวกรุ๊ป “สินค้าระดับโลกแบรนด์ระดับโลกWorld Class Products,World Class Brand”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,344 วันที่ 1 - 3 มีนาคม พ.ศ. 2561
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอังกฤษถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป ด้วยมูลค่ากว่า 2,348 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น-ผู้ใหญ่ ที่นิยมดื่มเป็นซอฟต์ดริงก์ 70% เป็นมิกเซอร์ 30%การแข่งขันในตลาดจึงมีความรุนแรงทั้งแบรนด์โลคัลและแบรนด์จากต่างประเทศที่เข้าไปช่วงชิงยอดขายและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ เพราะอังกฤษยังเป็นฐานสำคัญและเป็นบันไดสู่การบุกตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปต่อไป
ความสำเร็จในการทำตลาดของ “คาราบาว” เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติไทยที่ไปบุกตลาดในเมืองผู้ดี ด้วยกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้งในช่วงที่ผ่านมา และล่าสุดการเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษหรือคาราบาว คัพ ส่งผลให้แบรนด์ คาราบาวเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวทีสากลและประสบความสำเร็จอย่างสูงในแง่ของยอดขาย โดยคาดว่าในปีนี้จะทำยอดขายในประเทศอังกฤษกว่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะเริ่มมีกำไรได้อย่างแน่นอนในปี 2563
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ CBG ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง“คาราบาว” และ “คาราบาวแดง” กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า อังกฤษคือแฟล็กชิพ การทำตลาดในยุโรป บริษัทตั้งเป้าจะขึ้นเบอร์ 3 ภายใน 2-3 ปีนี้และกำลังจะขยายเข้าไปในฝรั่งเศส โดยปีนี้คาราบาวยังเดินหน้าลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างแบรนด์สร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ ควบคู่ไปกับการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายและการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
[caption id="attachment_263507" align="aligncenter" width="335"]
โดยใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเจรจากับสโมสรฟุตบอลอาชีพในลีกชั้นนำหลายประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ เพื่อเป็นสปอนเซอร์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการนำเครื่องดื่มคาราบาวแดงเข้าไปให้บริการในคลับ หรือสโมสร ตลอดจนการติดโลโกบนหน้าอกเสื้อที่ใช้ฝึกซ้อม หรือแข่งขัน ทั้งนี้แนวทางการทำตลาดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักคือการใช้กีฬาเป็นฐานสำคัญเพื่อขยายตลาดในยุโรป
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้า ในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเข้าไปจำหน่ายสินค้า โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ ซึ่งในปีนี้บริษัทจะขยายตลาดยุโรปมากขึ้น เพราะมองว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดีแต่เบื้องต้นจะเป็นการส่งสินค้าไปจำหน่ายหากในอนาคตตลาดมีการขยายตัวได้ดี อาจจะพิจารณาตั้งโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตอีกด้วย
นอกเหนือจากการบุกตลาดอังกฤษ และยุโรปแล้วบริษัทยังมีเป้าหมายในการเจาะตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงอย่าง “จีน” ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่2ของโลกหรือ 8,513 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯรองจากสหรัฐอเมริกา หลังจากช่วงกลางปี 2560 ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปทำตลาดที่จีน และสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 130 ล้านกระป๋อง โดยคาราบาวเตรียมแผนรุกตลาดจีนเต็มสูบ ด้วยการเทงบประมาณ 4,000-6,000 ล้านบาทสร้างการรับรู้ผ่านการโฆษณา กิจกรรมต่างๆ และการเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาที่คนจีนชื่นชอบ รวมถึงการแจกตัวอย่างทดลองชิม และสาวบาวแดง ฯลฯ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้เข้าไปจัดตั้งสำนักงานใน 27 มณฑล รวม 60 แห่งทั่วจีน พร้อมพนักงานอีก กว่า 1,000 คนทั้งมองหาโรงงานผลิตในจีน (OEM) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งจากไทยด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 จะเติบโตไม่ตํ่ากว่า20%หรือกว่า 1.5 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 45%ต่างประเทศ 55% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 1.2หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 55% ต่างประเทศ 45% ซึ่งเป็นการเติบโตจากตลาดในประเทศไม่ตํ่ากว่า10% ส่วนตลาดต่างประเทศคาดว่าจะเติบโตไม่ตํ่ากว่า30% โดยตลาดในประเทศปีนี้บริษัทจะเน้นการกระจายสินค้าให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นแบรนด์ระดับโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคาราบาวกรุ๊ป “สินค้าระดับโลกแบรนด์ระดับโลกWorld Class Products,World Class Brand”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,344 วันที่ 1 - 3 มีนาคม พ.ศ. 2561
