บ้านปูเพาเวอร์รายได้ปี60กว่า6.4พันล้านบาท

24 ก.พ. 2561 | 04:52 น.
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลประกอบการโดยรวมของบ้านปู เพาเวอร์ฯ ในปี 2560 สะท้อนศักยภาพของบริษัทฯ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนจากการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าหงสา ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจแม้จะหยุดซ่อมบำรุงตามแผน ในขณะที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนคืบหน้ามาถึงครึ่งทางสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 20 ภายในปี 2568 ซึ่งทั้งหมดนี้ คือการเดินตามแผนกลยุทธ์อย่างมั่นคง ทั้งนี้ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และอัตราหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำ บ้านปู เพาเวอร์ฯ จะสามารถขยายโอกาสลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตและผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

Banpu_logo1

ในปี 2560 บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวม 6,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16 ประกอบด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีนครบทั้ง 6 แห่งตามแผน จำนวน 659 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power Plants: CHP) ได้แก่ โรงไฟฟ้าหลวนหนาน (Luannan) เจิ้งติ้ง (Zhengding) และโจวผิง (Zouping) จำนวน 5,760 ล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาส 4/2560 แม้โรงไฟฟ้าในจีนจะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนถ่านหินที่ปรับสูงขึ้น แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารความเสี่ยงและทำกำไรได้จากยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว

บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไร 3,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 5 ประกอบด้วยส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาจำนวน 2,235 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าเงินทางบัญชีแล้วจำนวน 908 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 28 ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตและจ่ายกระแสไฟได้อย่างต่อเนื่องของโรงไฟฟ้าหงสา ในขณะที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีรายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 1,487 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าเงินทางบัญชีแล้วจำนวน 430 ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 38 ทั้งนี้หากไม่นับผลกระทบจากการแปลงค่าเงิน ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานจะมีจำนวนรวมถึง 5,060 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและจ่ายไฟของโรงไฟฟ้าทั้งสอง

sute

ณ ปัจจุบันจนถึงปี 2566 บริษัทฯ มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวมทั้งสิ้น 2,789 เมกะวัตต์เทียบเท่า แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 2,068 เมกะวัตต์เทียบเท่า และโครงการที่จะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อีก 721 เมกะวัตต์เทียบเท่า สำหรับโรงไฟฟ้าในไทยและ สปป.ลาว บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างส่วนแบ่งกำไรที่มีเสถียรภาพด้วยมาตรฐานอัตราการจ่ายไฟที่ดี ในขณะที่ยังคงจัดการการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า CHP โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีนให้มีประสิทธิภาพและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผน เช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทฯ จะมีกำลังผลิตเพิ่มอีก 52 เมกะวัตต์เทียบเท่า จากส่วนขยายโรงไฟฟ้าหลวนหนานระยะที่ 2 ในจีน และอีก 44.5 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นจำนวน 3 โครงการ

“บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังคงมุ่งสร้างการเติบโต ด้วยการแสวงหาโอกาสลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหลากหลายรูปแบบในประเทศที่บริษัทฯ มีธุรกิจอยู่ และประเทศที่มีศักยภาพ เช่น เวียดนาม เป็นต้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายขยายกำลังผลิตให้ได้มากกว่า 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า พร้อมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ทั้งนี้ในปี 2561 เราจะนำจุดเด่นด้านความแข็งแกร่งของทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในกลุ่มบ้านปูฯ มาอย่างยาวนาน ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้า ความแข็งแกร่งทางการเงิน ความสามารถในการจัดหาแหล่งทุน ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตร และความได้เปรียบจากการมีธุรกิจกระจายตัวอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมาผนวกเข้าด้วยกัน โดยมีวัฒนธรรมองค์กรของกลุ่มบ้านปูฯ ที่มุ่งเน้นค่านิยม 3 ประการ ได้แก่ คิดสร้างสรรค์ ทำด้วยใจรัก และมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จ (Innovative-Passionate-Committed) เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อผลตอบแทนที่ยั่งยืนขององค์กรและผู้มีส่วนได้เสีย” นายสุธี กล่าว

e-book-1-503x62