เอ็มจีซี-เอเชีย ทุ่ม 2 พันล้าน มุ่งดิจิตอล แพลตฟอร์มเต็มสูบ

เอ็มจีซี-เอเชีย เดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทยและอาเซียน พร้อมวางงบลงทุนเบื้องต้น 2 พันล้านบาท เตรียมจับมือพันธมิตรใหม่ขยายธุรกิจ มั่นใจสิ้นปีเติบโต 15%

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เปิดเผยว่า จากการกำหนดเป้าหมายวิสัยทัศน์ปี 2020 เพื่อมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทยและอาเซียน ซึ่งตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทมีการวางรากฐานในธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในทุกด้าน เพื่อให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน และในปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย โดยบริษัทเตรียมนโยบายรุกด้วยการลงทุนเพื่อขยายความครอบคลุมของกลุ่มธุรกิจทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ โดยเตรียมงบลงทุนเบื้องต้นกว่า 2,000 ล้านบาท

[caption id="attachment_262356" align="aligncenter" width="335"] ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ[/caption]

นอกจากนั้นแล้วมีแผนที่จะเป็นพันธมิตรกับคู่ค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่ม TUNAP ซึ่งผู้ผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงรักษารถยนต์ระดับโลก

บริษัทยังเตรียมขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียน ผ่านกลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้แบรนด์ ‘ซิกท์’ (SIXT) และฟลีท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายไปยัง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและมาเลเซีย โดยมีถึง 6 สาขาที่ประเทศมาเลเซีย อาทิ สนามบินแห่งชาติที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ , ปีนัง, ยะโฮร์บาห์รู 2 แห่ง, รัฐปาหัง และ รัฐสลังงอร์ และมีแผนขยายจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอีกทั้ง 2 ประเทศในอนาคตอันใกล้

ดร.สัณหวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้นำระบบดิจิตอลมาผสมผสานการดำเนินธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น (Digital platform) เพื่อมุ่งไปสู่การบริหารธุรกิจแบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต โดยมีทีมผู้บริหารจากบริษัทโฆษณามาเสริมทัพ พร้อมเริ่มนำระบบ Virtual Showroom มาเปิด ประสบการณ์ใหม่ครั้งแรกในตลาดยานยนต์เมืองไทยเพื่อให้ลูกค้าได้ชมโชว์รูมเสมือนจริงก่อนตัดสินใจซื้อ โดยนำมาใช้เป็นแห่งแรกที่ “เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ หาดใหญ่”

ขณะเดียวกันจะเน้นนำเสนอสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือ รวมไปถึงพัฒนาสู่การใช้โบรชัวร์แบบอิเล็กทรอนิกส์และการพัฒนาระบบการบริการลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น

“ก่อนหน้านี้บริษัทได้นำร่องใช้ในส่วนช่องทางการบริการด้วยการแนะนำแอพพลิเคชันใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย การรับรู้ข่าวสาร รวมถึงรับบริการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อนำรถเข้าซ่อมให้รวดเร็วยิ่งขึ้นและล่าสุดได้มีการนำระบบ 4-digit call center โทร.1286 มาใช้ในส่วนงานมิลเลนเนียมออโต้กรุ๊ป เพื่อเสริมประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างทั่วถึง”

ดร.สัณหวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทคาดว่าธุรกิจของกลุ่มจะเติบโตไม่ตํ่ากว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในกลุ่มรถใหม่ตั้งเป้าจำหน่ายกว่า12,500 คัน, ธุรกิจศูนย์บริการหลังการขาย ตั้งเป้าการบริการไว้กว่า 2.4 แสนคัน

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2560 มีตัวเลขรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจรถยนต์ใหม่ประกอบด้วยรถยนต์ยุโรปและญี่ปุ่น 80%, ธุรกิจรถเช่า 8%, ธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต 2%, ธุรกิจให้คำปรึกษาและการบริการด้านประกันภัยครบวงจร 1% และธุรกิจภาพรวมอื่นๆในสัดส่วน 9%อาทิ ธุรกิจรถเช่ารถมือ 2 ศูนย์ฝึกอบรม รวมถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศ

“ปีที่ผ่านมาเรานำสินค้าใหม่แบรนด์มาเซราติเข้ามาเติมเต็มรถในกลุ่มลักชัวรีคาร์ และเสริมไลน์ธุรกิจในกลุ่มให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมกันนั้นได้ทุนกว่า 400 ล้านบาทในการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเมกะโปรเจ็กต์อย่างเป็นทางการ “เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ภูเก็ต” และเรายังมีแผนลงทุนต่อเนื่อง

ในช่วงต้นปี 61 ด้วยการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเมกะโปรเจ็กต์อย่างเป็นทางการ‘เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์หาดใหญ่’ ประกอบด้วยโชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ฮอนด้า มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และฮาร์ลีย์-เดวิดสัน รถยนต์มือสอง รวมถึงศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังครบวงจรใช้งบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท รวมทั้งการเปิดบีเอ็มดับเบิลยูมิลเลนเนียมออโต้สตูดิโอสุราษฎร์ธานี”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,343 วันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561