สสว.–สกว. ผนึกกำลังยกระดับ SME ไทยแบบครบวงจร

24 ก.พ. 2561 | 02:48 น.
สสว.-สกว. เปิดตัว “โครงการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของ SME ไทยด้วยนวัตกรรมและการตลาด” หวังผลิตผู้ประกอบการไทยก้าวสู่มืออาชีพ ตั้งเป้าใน 3 ปี ส่งผู้ประกอบการถึงฝั่ง 300 รายสร้างมูลค่าระบบเศรษฐกิจ 600 ล้านบาท

นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า สสว. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการ “สร้างศักยภาพในการแข่งขันของ SME ไทยด้วยนวัตกรรมและการตลาด (TOMMI : TRF-OSMEPMarketing Meets Innovation)” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ไทยอย่างเป็นระบบและครบวงจร โดยตั้งเป้าหมายจะยกระดับ SME ให้เป็นมืออาชีพไม่น้อยกว่า 300ราย ซึ่งจะสร้างมูลค่าให้ระบบเศรษฐกิจประมาณ 600 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี
smes ทั้งนี้ ภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ มีนโยบายขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุค “Thailand 4.0” โดยใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยี มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับนโยบายของ สสว. ที่พยายามสนับสนุน SMEต่อยอดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการ เพื่อให้ SME ไทยสามารถประกอบกิจการอย่างมืออาชีพ (Smart SME) ซึ่งปัจจุบันงานวิจัยสนับสนุนผู้ประกอบการมีค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูป เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ถือเป็นจุดแข็งประเทศไทยและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก

ความร่วมมือระหว่าง สสว. และ สกว. ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งจะดึงจุดเด่น ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของแต่ละฝ่ายมาช่วยต่อยอด SME ของทั้งสองฝ่าย โดย สสว. จะคัดเลือก SME ในโครงการต่าง ๆ ที่มีศักยภาพส่งต่อให้ สกว. เพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สกว. ก็จะคัดเลือก SME ที่มีผลิตภัณฑ์ผ่านกระบวนการวิจัยและเทคโนโลยีมาแล้วส่งต่อให้ สสว. ช่วยสร้างองค์ความรู้ ให้คำปรึกษาในการบริหารจัดการธุรกิจ สนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงสร้างช่องทางการตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงตลาดของผู้ประกอบการให้หลากหลายขึ้น
โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6 “จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เกิดจาก สกว. ประสานงานมายัง สสว. โดยเห็นว่า สสว. เป็นหน่วยงานหลักที่ช่วยดูแลและสนับสนุน SME ไทยในหลากหลายมิติ สามารถต่อยอดบริษัทต่าง ๆ ที่ผลิตภัณฑ์ผ่านกระบวนการวิจัยจาก สกว.แล้ว ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จนไปสู่การจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้จริง ขณะที่ สสว. ก็จะส่ง SME ของโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น การส่งต่อผู้ประกอบการ SME ระหว่างกัน จึงเป็นการต่อเติมเรื่องที่ขาดและเป็นการช่วยเหลือให้ SME ไทยไปถึงฝั่ง” ผู้อำนวยการ สสว. กล่าว

ศาสตราจารย์นายแพทย์สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย“นวัตกรรม” จำเป็นต้องพัฒนายกระดับผู้ประกอบการ SME ซึ่งถือเป็นหัวหอกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ สามารถเข้าถึงนวัตกรรมและนำมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดขีดความสามารถในการแข่งขันได้ โดยไม่ต้องแข่งขันด้านราคาและแรงงานเพียงอย่างเดียว โดยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและเกิดการลงทุนวิจัยตามความเหมาะสม เกิดการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของ SME ให้เพิ่มขึ้น และมีกลไกที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตและสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน เพื่อให้ SMEเป็นกำลังสำคัญในการสร้างแรงขับขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ
smes2

ความร่วมมือในครั้งนี้ สกว. จะสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อช่วยยกระดับผู้ประกอบการ SME ที่มีศักยภาพให้ได้รับการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการผลิต ผ่านกระบวนการสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งนวัตกรรมที่ได้จะไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์จนไปสู่การจำหน่ายได้จริงในเชิงพาณิชย์ และ สกว.จะร่วมกับ สสว. ในการพัฒนาผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์แล้วให้ได้รับการเสริมทักษะที่จำเป็นทางธุรกิจ

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการ SME จาก สสว.ที่ต้องการพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีการผลิต สกว. ก็จะพิจารณาการสนับสนุนการวิจัยตามหลักเกณฑ์ที่ สกว. กำหนด ซึ่งจะเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการช่วยผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME อย่างครบวงจร เพื่อให้ SME สามารถเติบโตและแข่งขันได้ อันจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรม นำไปสู่การสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างแท้จริง

e-book-1-503x62