Everyday Shining ตัวตนคือเรื่องราว คุณค่าดุจเพชรที่เป็นนิรันดร์

01 มี.ค. 2561 | 07:19 น.
กว่าจะได้เพชรเม็ดงามสักหนึ่งเม็ดต้องผ่านการเจาะลึกลงไปบนผืนปฐพีเพื่อให้พบกับสินแร่อันมีค่า นำมาตีโจทย์และเจียระไนเพื่อให้ได้เหลี่ยมมุมที่งดงามที่สุด ก่อนนำมาประกอบเข้ากับตัวเรือนที่ได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรบรรจง อวดโฉมสะกดสายตาผู้พบเห็นให้หลงใหลในรัศมีอันเจิดจรัสของเครื่องประดับชิ้นงาม

เฉกเช่นเดียวกับชีวิตของคุณภา – โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์ รองประธานกรรมการบริหาร จัสมิน จิวเวลรี่ กรุ๊ป ลูกสาวคนสุดท้องคนที่ 4 กับการเติบโตมาพร้อมๆ กับพี่ชายทั้ง 3 คนในครอบครัวธุรกิจจิวเวลรีที่คุณพ่อชัยเวทย์ ทรัพย์มณีอนันต์ สร้างขึ้นมาด้วยความอดทน จากเส้นทางชีวิตที่ยิ่งกว่าติดลบ ได้เรียนถึงเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แต่ความชอบและการมองเห็นแนวทางเลี้ยงชีพจึงเข้าไปเป็นเด็กฝึกงานในร้านจิวเวลรีรุ่นแรกๆ ของเมืองไทยย่านบ้านหม้อ สั่งสมประสบการณ์การเรียนรู้ พกความมุ่งมั่นในหัวใจมาเต็มพิกัดกับชีวิตที่ไม่มีคำว่ากลัว เพราะต้องการสร้างหลักฐานให้กับครอบครัว หลอมรวมเป็นประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่รู้ต้นทางและกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พัฒนาสู่การเป็นร้านเครื่องประดับระดับไฟน์ จิวเวลรี ที่ครองความเชื่อใจจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี

[caption id="attachment_262408" align="aligncenter" width="503"]  โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์ โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์[/caption]

JASMIN ชื่อร้านจิวเวลรีเป็นชื่อที่คุณพ่อตั้งขึ้นเพื่อสื่อถึงความรักของคุณแม่ ซึ่งมีคุณค่าเหมือนกับดอกมะลิ แต่ด้วยความเข้าใจในตอนนั้นทำให้เกิดการสะกดผิด แต่ก็กลายเป็นเอกลักษณ์ของเราที่สร้างความแตกต่างและอยู่ในการจดจำของลูกค้าเสมอมา การตีโจทย์ธุรกิจด้วยการปลีกตัวมาตั้งร้านในโรงแรมดุสิตธานีแทนการไปตั้งร้านในห้างสรรพสินค้าเหมือนร้านอื่นๆ ในยุคเริ่มต้น แม้ว่าจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ด้วยความช่างสังเกตของคุณพ่อว่าเถ้าแก่และเจ้าของกิจการจะเดินทางมารับประทานอาหารในช่วงค่ำ และจะทานเสร็จประมาณ 3-4 ทุ่ม จัสมินจึงเป็นร้านเพชรที่เปิดตั้งแต่เช้าจนถึงตีหนึ่ง ตีสอง ติดต่อกันมาหลายสิบปีจนสามารถสร้างฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้จนถึงปัจจุบัน

การเติบโตมาในธุรกิจจิวเวลรีตั้งแต่จำความได้เมื่อถึงเวลาต้องแสวงหาตัวตน คุณภาเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ธุรกิจจิวเวลรีคือธุรกิจที่เธอชอบ หรือว่าเธอรู้สึกเหมือนชอบเพราะเพียงแค่ความเคยชิน หากเป็นความเคยชินแล้วสิ่งที่ต้องทำเหมือนเดิมในทุกๆ วันก็ไม่อาจเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับชีวิตของเธอได้เลย”

หลังจากจบการศึกษาในระดับปริญญาโท ที่สหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาเพียง 1 ปีครึ่ง คุณภาจึงใช้เวลา 6 เดือนที่เหลือก่อนเดินทางกลับประเทศไทยด้วยการเข้าไปเรียนทำขนม และทดลองสมัครทำงานพาร์ตไทม์ในร้านจิวเวลรีแห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะการทำธุรกิจคล้ายๆ กับธุรกิจของครอบครัวเพื่อตอบคำถามที่ยังคาอยู่ในหัวใจ

[caption id="attachment_262407" align="aligncenter" width="335"]  โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์ โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์[/caption]

ความคล่องแคล่วและความรู้ด้านจิวเวลรีโดยเฉพาะเพชร มรกต ทับทิม และไพลิน ซึ่งเป็นอัญมณีหลักในร้าน ประกอบกับลักษณะของธุรกิจครอบครัวที่คัดสรรอัญมณีตั้งแต่ต้นน้ำคือเหมืองเพชร เหมืองมรกต จนถึงปลายน้ำคือเมื่อเครื่องประดับชิ้นงามส่งถึงมือลูกค้า องค์ความรู้จากประสบการณ์ตรงส่งผลให้คุณภาก็ได้รับความไว้วางใจให้เป็นพนักงานบริการหน้าร้านตั้งแต่ทำงานวันแรก และการทดลองทำงานในครั้งนี้ก็ทำให้คุณภาค้นพบเสน่ห์ที่แท้จริงของธุรกิจจิวเวลรีที่เธอหลงใหลโดยไม่รู้ตัว

“เสน่ห์ของธุรกิจนี้คือ “คน” เครื่องประดับชิ้นเดียวกันก่อให้เกิดบทสนทนาหลากหลายรูปแบบนับไม่ถ้วน เมื่อได้มานั่งขายเพชรจริงๆ จะรู้ว่าลูกค้าคุยกับเราทุกเรื่อง หมวกกี่ใบที่สวมก่อนเข้ามาในร้านเมื่อมานั่งตรงหน้าเราทุกคนเปิดอกคุยกับเราตรงๆ ซึ่งเราเองก็มาพบว่าเราชอบความตรงไปตรงมาในจุดนี้ ที่สำคัญคือการถ่ายทอดประสบการณ์ในเรื่องต่างๆ ของลูกค้า เราเกิดมาเราเห็นแค่ชีวิตของเราที่มีประสบการณ์ตรงในบางเรื่อง แต่การได้คุยกับลูกค้าทำให้เราเปิดโลกทัศน์ได้ฟังประสบการณ์ในธุรกิจอื่นๆ ที่สำคัญคือการได้เชื่อมความรู้จักกับคนที่หลากหลายและแผ่ออกไปมากกว่าการสร้างคอนเนกชันเฉพาะตัวของเราเอง”

ความผูกพันกับอัญมณีอันล้ำค่าโดยเฉพาะ “เพชร” ตั้งแต่จำความได้ ทำให้คุณภาเข้าใจแก่นของความเป็นเพชร โดยเฉพาะการมองเห็นทุกรายละเอียดจนพบส่วนที่เรียกว่า “Diamond Girdle” หรือขอบเพชรที่มีความสูงไม่กี่มิลลิเมตร แต่คือจุดที่ส่งผลต่อน้ำหนักและความเปล่งประกายของเพชรซึ่งความสำคัญที่เราอาจยังไม่ทราบก็คือส่วนนี้คือส่วนสลักรหัส GIA บ่งบอกตัวตนของเพชรตลอดชั่วอายุขัย การเข้าถึงความหมายอันแท้จริงถอดเป็นนิยามของ JASMIN แบรนด์จิวเวลรีที่มองเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ภายใน นำมาสู่การรังสรรค์เพชรที่ไม่หยุดอยู่เฉพาะความสวยงาม แต่คือองค์ประกอบที่ส่งความมั่นใจมาสู่ตัวตนของผู้เป็นเจ้าของ ฉายความงามจากภายในสร้างให้ทุกวันเป็นวันพิเศษ และสะท้อนความงามแบบ “Everyday Shining” อย่างแท้จริง

มรดกทางความคิดจากคุณพ่อชัยเวทย์ตกทอดโดยตรงมาถึงลูกๆ ทั้ง 4 โดยเฉพาะเรื่อง “ความกล้า” ไม่ปล่อยให้เรื่องใดมาเป็นขีดจำกัดโดยเฉพาะเรื่องของภาษา ใครจะไปเชื่อว่าชายเจ้าของร้านเพชรที่จบการศึกษาเพียงชั้นประถม 4 แต่สามารถเจรจาการค้ากับเจ้าของเหมืองเพชรและอัญมณีชั้นนำจากทั่วโลก โครงสร้างประโยคที่ไม่ตรงกับหลักแกรมม่าโดยสิ้นเชิง แต่ความจริงใจในการสื่อสารและความซื่อสัตย์จากการปฏิบัติให้เห็นจริง ทำให้วันนี้ชื่อของ Mr.Chai ได้รับการยอมรับในวงการอัญมณีทั่วโลก จุดแข็งจากความกล้าในรุ่นของคุณพ่อทำให้วันนี้ จัสมิน จิวเวลรี่ กรุ๊ป มิได้มีเพียงหน้าร้านถึง 2 สาขา คือ สาขาโรงแรมดุสิตธานี และสาขาศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม เท่านั้น แต่การเข้าถึงผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก ทำให้จัสมินคือตัวแทนผู้ขายมรกตในประเทศไทยแบบโฮลเซล รวมถึงการเป็นบริษัทที่คัดสรรอัญมณีที่ผ่านกระบวนการเผารายแรกๆ ในประเทศไทยอีกด้วย ความกล้าที่จะเริ่มต้นเมื่อสี่สิบปีก่อนวันนี้ธุรกิจอัญมณีของจัสมินได้รับการสานต่อโดยลูกๆ ทั้ง 4 คนโดยสมบูรณ์ และในฐานะที่คุณภาผ่านประสบการณ์จากร้านจิวเวลรีในสหรัฐอเมริกา เธอได้ทำความแตกต่างในจุดนั้นมาพัฒนาเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ตัวตนและรสนิยมที่หลากหลายของลูกค้าในระดับนานาชาติได้อย่างลงตัว

บาร์ไลน์ฐาน แม้รสนิยมการซื้อเครื่องประดับของคนไทยและชาวต่างชาติจะไม่เหมือนกัน แต่จุดสำคัญที่ต้องสร้างให้เป็นมาตรฐานคือ “การบริการ” สินค้าที่เริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักสิบล้านและหลักร้อยล้านแต่ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาต้องรู้สึกแบบเดียวกันคือ “รู้สึกว่าตัวไม่เล็ก” โทนสีและทิศทางแสงที่กำหนดสร้างความผ่อนคลาย ร่วมกับแนวคิดที่ยึดถือมาตลอดว่า “ทุกคนควรจะมอบสิ่งดีๆ ให้แก่กัน” บทสนทนาที่จริงใจและการอยู่รับลูกค้าด้วยตัวเองในทุกๆ ครั้ง ทำให้แบรนด์ JASMIN ซึ่งไม่เคยทำการตลาดมาตลอด 40 ปี และเริ่มแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมและการกล่าวถึงจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ธุรกิจจิวเวลรีดูเหมือนจะเป็นธุรกิจที่น่าอิจฉา การได้อยู่กับของสวยๆ งามๆ ทั้งวันเป็นเรื่องที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน แต่เบื้องหลังธุรกิจคือการทำงานของสมองที่ต้องเติมความรู้และทักษะต่างๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะการตีโจทย์ในใจของลูกค้าที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ “คู่แข่งของร้านเพชรไม่ใช่ร้านเพชรด้วยกันแต่เป็น ลักชัวรี แบรนด์ ที่พร้อมชักจูงให้ควักบัตรเครดิตออกมาจ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว” วันนี้คนซื้อของแบรนด์เนมหลักแสนง่ายกว่าการซื้อต่างหูสักคู่ หรือแหวนสักวง ธุรกิจจิวเวลรีไม่ใช่ธุรกิจที่รวยเร็ว แต่ต้องใช้ความอดทนสูง มีพลังขับเคลื่อนหลักคือ “ความเชื่อใจ” คุณพ่อสอนพวกเราเสมอว่า เราต้องมีความสุขเสมอเมื่อเห็นงานจิวเวลรียังอยู่กับเรา ไม่ใช่อยากขายเขาให้ได้ อยากผลักเขาออกไป ความสุขที่เราส่งให้แหวนเพชรแต่ละวง สร้อยข้อมือแต่ละเส้น จะทำให้อัญมณีส่งรอยยิ้มให้กับลูกค้า สื่อภาษาที่เรามองไม่เห็นสู่คนที่เหมาะสมจะครอบครอง

“หากจะซื้อเพชรให้ดูที่ใบเซอร์ แต่หากจะซื้อพลอยให้ดูว่าพลอยเม็ดนั้นยิ้มให้เราหรือไม่” เพราะเพชรเป็น อัญมณีที่สามารถหาและคัดสรรคุณภาพได้ตามใจต้องการได้จากทั่วทุกมุมโลก ส่วนพลอยคือสินแร่ที่มีเฉพาะในบางพื้นที่ พลอยแต่ละชิ้นจึงมีเพียงชิ้นเดียวในโลก อยากได้ของที่ถูกใจก็ต้องใช้ใจสัมผัส เช่นเดียวกับคุณภาที่วันนี้เธอค้นพบเสน่ห์ของเพชรแท้ และพร้อมจะส่งมอบเรื่องราวดีๆ และความภูมิใจจากคุณพ่อที่ส่งต่อมาให้กับลูกทั้ง 4 ไปยังลูกค้าทุกคนต่อไป

เรื่อง: บุรฉัตร ศรีวิลัย
ภาพ: ระวิภาส บุญลือ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,343 วันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว